วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเกลอ ตอน: เจ้าบ่าวแห้ว


เย็นวันนั้น คุณหญิงวาดมีอารมณ์ผ่องแผ้วผิดปรกติ ท่านลงมาเดินเล่นในสวนดอกไม้หลังบ้าน
“พัชราภรณ์” ตามลำ พัง ท่ามกลางความสดชื่นของอากาศ คุณหญิงวาดเลือกเก็บเยอบีร่าดอกงาม ๆ ได้
หลายดอก เก็บดอกไม้ พลางก็ร้องเพลง “มารหัวใจ” เบา ๆ ท่านหารู้ไม่ว่าเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ได้แอบมายืน
ข้างหลัง พอจบเพลงท่านเจ้าคุณก็ตบมือเบา ๆ
“โอโฮ้-เมียฉันเสียงเพราะเหลือเกิน”
คุณหญิงวาดหันขวับมาทางเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ แล้วยิ้มอาย ๆ
“แหม-แอบมาฟังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันร้องเพราะหรือคะ เจ้าคุณ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ยักคิ้วให้
“จ้ะ เพราะมากทีเดียว ฟังคล้ายเสียงกะละมังร้าว ฉันยืนอยู่หลังตึก พอคุณหญิงเริ่มร้องฉันตกใจ
นึกว่าวัวใครหลุดเข้ามาในสวนบ้านเรา ไหน-ร้องให้ฟังอีกเพลงซีจ๊ะ เอาเพลง “เหลืออาลัย” ก็ได้”
คุณหญิงวาดตวาดแว้ด
“ไม่ร้อง หนอย-หาว่าเสียงของเราเหมือนกะละมังร้าว แล้วก็เอาไปเปรียบกับวัวมีอย่างที่ไหน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ อดหัวเราะไม่ได้
“อย่าโกรธเคืองเลยน้า ล้อเล่นสนุก ๆ หรอก เสียงของคุณหญิงน่ะ ฉันรู้ดีว่าดอริสเดย์ยังร้องเพราะ
สู้คุณหญิงไม่ได้”
คราวนี้คุณหญิงวาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วท่านก็ร้องเพลงด้วยเสียงอันดัง
“อีฟ ยู เล็ท มี วู๊ด ไอ เลิฟ ยู…”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ รีบยกมือปิดปากคุณหญิงวาดทันที
“พอแล้วคุณหญิง ลำ บากนักร้องเพลงไทยดีกว่า วันนี้คุณหญิงเป็นอะไรไปนะ รู้สึกว่าครึกครื้นรื่น
เริงตั้งแต่บ่ายแล้ว”
คุณหญิงวาดหัวเราะอย่างใจดี เดินเคียงคู่กับท่านเจ้าคุณออกมาจากสวนดอกไม้
“ดิฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร ดิฉันจึงมีอารมณ์สดชื่นอย่างน่าประหลาด เห็นจะ
เป็นเพราะดินฟ้าอากาศกระมังคะ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ นิ่งคิด
“ไม่ใช่หรอกคุณหญิง ฉันเข้าใจว่าเป็นเพราะเลือดลมของคุณหญิงเดินสะดวกมากกว่า ตามปรกติ
น่ะคุณหญิงมักจะมีอารมณ์ร้ายเสมอ บ่นพึมพำ ด่าคนโน้นคนนี้ตั้งแต่เช้าจนคํ่า นั่นก็เพราะเลือดลมเดินไม่
สะดวก”
คุณหญิงวาดหัวเราะเบา ๆ
“หรือคะ อาจจะเป็นได้เหมือนกัน วันนี้ดิฉันสบายใจมาก นางม่อมทำ โถเทพนมใบใหญ่แตก ดิฉัน
ไม่ได้ว่าอะไรมันเลยแม้แต่คำ เดียว นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน”
ท่านทั้งสองพากันเดินขึ้นบันไดหลังตึกอย่างแช่มช้าและทรุดตัวนั่งบนม้ายาวเคียงคู่กัน คุณหญิง
วาดวางดอกเยอบีร่าทั้งหอบลงข้าง ๆ ตัว แล้วก็สนทนากับเจ้าคุณผัวของท่าน ขณะที่พูดคุยกันถึงเรื่องเกี่ยว
กับที่ดินของท่านแปลงหนึ่ง ซึ่งมีคหบดีผู้มั่งคั่งคนหนึ่งมาขอซื้อ เจ้าแห้วก็เดินออกมาจากห้องโถง พอแลเห็น
ท่านทั้งสองสนทนากัน เจ้าแห้วก็ตรงเข้ามาทรุดตัวนั่งพับเพียบและยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“รับประทานมีอะไรที่จะให้ผมได้รับใช้สนองพระเดชพระคุณบ้างไหมครับ”
คุณหญิงวาดมองดูเจ้าแห้วคนใช้เก่าแก่ของท่านด้วยความพอใจ
“เออ-มันต้องยังงี้ซิวะอ้ายแห้ว ปวารณาตัวให้ข้าใช้โดยไม่ต้องออกปากไหว้วาน นิสัยคนดีมันต้อง
เป็นอย่างนี้”
เจ้าแห้วยิ้มเอียงอาย
“รับประทานผมดีมานานแล้วครับ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ หัวเราะหึ ๆ
“ไปเอาไอ้นํ้าพรรค์นั้นมาให้ข้ากินสักขวดเถอะวะ”
เจ้าแห้วขมวดคิ้วย่น
“รับประทานนํ้าอะไรครับ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พูดเสียงดุ ๆ
“อ้ายที่อยู่ในตู้เย็นน่ะไปเอามาเถอะ จะให้ข้าระบุชื่อยังไงวะ ข้าไม่ได้ค่าโฆษณาสักหน่อย”
เจ้าแห้วอมยิ้ม
“รับประทานจริงสิครับ อย่างน้อยได้รับประทานฟรีวันละโหลก็พอจะช่วยโฆษณาให้บ้างว่าอย่าง
นั้นดีที่เราได้รับประทานฟรี อย่างโน้นไม่ดีเพราะเราไม่ได้รับประทานฟรี”
คุณหญิงวาดหัวเราะ
“ไปเอาหมากมาให้ข้าคำ หนึ่ง เอาปูนป้ายมาหน่อยหนึ่ง”
เจ้าแห้วรับคำ สั่ง แล้วลุกขึ้นรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ถอนหายใจหนัก ๆ แล้ว
กล่าวกับคุณหญิงของท่าน
“อ้ายแห้วมันผีเข้าผีออก บางทีก็ขยันน่ารักมาก บางทีก็ขี้เกียจหลังยาวอย่างบรม แต่ว่าหมู่นี้รู้สึก
ว่าดีขึ้นมาก ก่อนนี้มันเคยตื่นห้าโมงเช้า เดี๋ยวนี้มันตื่นเพียงสามโมงเช้าเท่านั้น แล้วก็มีการเอาใจใส่กับเรา
มากกว่าแต่ก่อน”
คุณหญิงวาดเห็นพ้องด้วย
“จริงค่ะ ดิฉันสังเกตดูรู้สึกว่าอ้ายแห้วขยันขึ้นมาก เห็นจะเป็นเพราะว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิด
ความอ่านขึ้น พูดถึงเจ้าแห้วก็ทำ ให้ดิฉันคิดว่าอายุมันก็ ๓๐ กว่าแล้ว เจ้าแห้วควรจะมีลูกมีเมียเสียที ไหน ๆ
มันก็เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเรา อย่าให้มันตำ หนิติเตียนเราได้ว่าเราไม่สนใจที่จะหาลูกเมียให้มัน”
ประมุขของบ้าน “พัชราภรณ์” พยักหน้าช้า ๆ แล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“นั่นน่ะสิคุณหญิง ฉันก็เคยคิดอยู่เหมือนกันในเรื่องนี้ เมื่อสองสามวันนี้เองเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ท่าน
ก็เตือนฉันว่าควรจะหาเมียให้เจ้าแห้วสักคน มันก็รับใช้เรามานานแล้ว ควรจะให้มันมีความสุขกับเขาบ้าง
ตกลงคุณหญิง เราสองคนมาร่วมมือกันหาเมียให้อ้ายแห้วมันเถอะ มันชอบพอใคร เราก็จัดการไปสู่ขอให้
มัน”
ก่อนที่คุณหญิงวาดจะพูดว่ากระไร เจ้าแห้วก็เดินลอยหน้าออกมา มือซ้ายถือนํ้าอัดลม มือขวาถือ
พานเงินเล็ก ๆ ใส่หมากพลู เจ้าแห้วนั่งทรุดตัวคุกเข่ายื่นพานหมากให้คุณหญิงวาด แล้วส่งขวดนํ้าอัดลมแช่
เย็นให้ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ คุณหญิงวาดยิ้มให้เจ้าแห้วคนใช้เก่าแก่ของท่าน แล้วถามว่า
“อ้ายแห้ว ปีนี้เอ็งอายุเท่าไหร่แล้ววะ”
เจ้าแห้วนิ่งคิดแล้วตอบนอบน้อม
“รับประทาน ๓๒ ครับ”
คุณหญิงวาดจุ๊ปาก
“ยังไงกันวะ ปีกลายข้าถามเอ็ง เอ็งก็บอกว่าอายุเอ็ง ๓๒ ปีนี้ข้าถามเอ็งอีก เอ็งก็บอกว่า ๓๒ อีก”
เจ้าแห้วขมวดคิ้วย่น
“รับประทานกระผมไม่ใช่เป็นคนพูดกลับกลอกนี่ครับ รับประทานเคยพูดอย่างไรก็ต้องพูดอย่าง
นั้น”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พูดตัดบท
“เอาละ เป็นอันว่าปีนี้มึงอายุ ๓๓ ปี ข้าถามจริง ๆ เถอะวะอ้ายแห้ว เอ็งน่ะอยากมีเมียบ้างไหม
เคยคิดบ้างไหมในเรื่องที่จะมีเมียกับเขา”
เจ้าแห้วสะดุ้งโหยง ใบหน้าแดงระเรื่อ ยกนิ้วชี้มือขวาใส่ปากกัด แล้วแกว่งแขนซ้ายไปมา
“รับประทานคิดอยู่เสมอแหละครับ กระผมเองครองตัวอยู่เป็นโสดเช่นนี้อะร้าอร่ามเหลือเกิน รับ
ประทานหน้าร้อนก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่หน้าฝนหรือหน้าหนาวรับประทานแย่หน่อย กระผมคิดเสมอ
แหละครับ แต่ว่า…รับประทานความคิดของกระผมก็ไม่ผิดอะไรกับพายเรือในอ่าง รับประทานคิดแล้วไม่
สำ เร็จ”
คุณหญิงวาดหยิบหมากและพลูใส่ปากเคี้ยว จ้องตาเขม็งมองดูเจ้าแห้ว
“อ้ายแห้ว”
“คร๊าบ”
“ขณะนี้เอ็งรักผู้หญิงที่ไหนไว้บ้างหรือเปล่า บอกข้าตามตรงเถอะ ข้ากับเจ้าคุณจะได้เป็นผู้ใหญ่ไป
จัดการสู่ขอให้เอ็ง”
เจ้าแห้วลืมตาโพลง ยกท่อนแขนซ้ายขึ้นกัดเต็มแรง แล้วร้องสุดเสียง
“โอ๊ย…..รับประทานนี่กระผมไม่ได้ฝันไปหรอกหรือครับ ท่านจะขอผู้หญิงให้กระผม…มันจะเป็น
ไปได้อย่างไรกันขอรับ”
คุณหญิงวาดพูดเสียงดุ ๆ
“เถอะน่า ข้าจัดการให้เอ็งก็แล้วกัน เอ็งรักใครชอบใครบอกข้าซิ”
เจ้าแห้วยิ้มเอียงอาย
“รับประทานกระผมรักผู้หญิงคนหนึ่งไว้เกือบปีแล้วขอรับ รับประทานเจ้าหล่อนสวยมากและ
สุภาพอ่อนหวานมาก ถ้าท่านกรุณาสู่ขอให้กระผมได้แล้ว ก็จะเป็นพระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้เชียวครับ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ถามขึ้นทันที
“ผู้หญิงแถวนี้หรือวะ”
เจ้าแห้วอมยิ้ม
“รับประทานบ้านใกล้เรือนเคียงกับเรานี่แหละครับ”
“ใครวะอ้ายแห้ว”
คุณหญิงวาดถามอย่างเป็นงานเป็นการ
เจ้าแห้วตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“รับประทานคุณสุมามาลย์ ลูกสาวท่านเจ้าคุณสีหราช ฯ ยังไงล่ะครับ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดทำ คอย่นพร้อม ๆ กัน แล้วท่านเจ้าคุณก็หัวเราะก้าก
“อ้ายแห้ว”
เจ้าคุณพูดพลางหัวเราะพลาง
“เอ็งรักยายสุมามาลย์ลูกสาวเจ้าคุณสีหราช ฯ หรือนี่”
ท่านหมายความถึงเพื่อนบ้านที่ดีของท่านซึ่งมีธิดาสาวสวย เคยเข้าประกวดนางสาวไทยมาแล้ว
“เป็นความจริงหรือวะอ้ายแห้ว”
เจ้าแห้วทำ หน้าม่อย
“รับประทานจริงครับ กระผมรักมานานแล้ว”
คุณหญิงวาดหัวเราะจนนํ้าหมากไหล ยกนิ้วชี้มือขวาจิ้มหน้าผากเจ้าแห้วค่อนข้างแรง
“อ้ายเวรตะไล…โอ๊ย-ประเดี๋ยวแม่หัวเราะให้ขาดใจตายไปเลย มึงนึกยังไงวะถึงได้ไปหลงรักแม่สุ
มามาลย์ มึงก็รู้ดีแล้วว่าเขาเป็นลูกสาวเจ้าคุณบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ตระกูลรุนชาติก็สูง ฐานะก็ดี ความรู้ก็มีไม่
น้อย เพิ่งสำ เร็จอักษรศาสตร์จากจุฬาเมื่อปีกลายนี้เอง”
เจ้าแห้วพูดขึ้นทันที
“รับประทานรักแท้ย่อมไม่มีอะไรขัดขวางหรอกครับ รับประทานลูกพระยามหากษัตริย์ยังได้
กระยาจกเข็ญใจเป็นผัว ตามประวัติศาสตร์ของชาติไทยก็ปรากฏว่าท้าวศรีสุดาจันทร์มเหสีของพระไชย
ราชาก็ยังเคยได้พลทหารยาม คือพันบุตรศรีเทพเป็นชู้รักของเธอ รับประทานนี่ก็แสดงให้เห็นว่าความรักย่อม
มีอานุภาพใหญ่ยิ่ง”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ อดหัวเราะไม่ได้
“มึงพูดมีเหตุผลน่าฟังอยู่เหมือนกัน มิน่าเล่าข้าใช้ให้ไปบ้านเจ้าคุณสีหราช ฯ ทีไร มึงเป็นต้องแต่ง
ตัวเสียหรูหราผิดปรกติ ยายสุมามาลย์น่ะ เขาเคยมีอะไร ๆ กับเอ็งหรือเปล่า”
เจ้าแห้วอมยิ้ม
“รับประทานมีทีท่ากับผมเหมือนกันแหละครับ รับประทานเคยใช้ให้ผมเอารองเท้าไปเปลี่ยนที่ห้าง
หนหนึ่ง รับประทานขอบอกขอบใจเสียใหญ่เชียวครับ ทำ ตาหวานเสียด้วย”
คุณหญิงวาดหัวเราะก้าก
“อ้ายแห้วเอ๊ย ให้มันรู้จักบ้างซิวะว่าฟ้าตํ่าแผ่นดินสูง เจ้าคุณสีหราช ฯ น่ะ ท่านรํ่ารวยกว่าข้าเสีย
อีก”
เจ้าแห้วอมยิ้ม
“รับประทานนั่นน่ะซิครับ ถ้ากระผมได้แต่งงานกับคุณสุมามาลย์ รับประทานกระผมจะมีความสุข
ไปชั่วชีวิตดับ รับประทานคงไม่ผิดอะไรกับหนูที่ตกลงไปในยุ้งข้าวสาร”
คุณหญิงวาดเม้มปากแน่น
“โธ่-เดี๋ยวแม่เตะกระโดงคางหักเลย เผยอหน้าไปรักเขา คนอย่างแม่สุมามาลย์น่ะ ถ้าหากว่าเขาจะ
มีผัวอย่างน้อยก็ต้องหัวนอกโว้ย”
เจ้าแห้วยิ้มเศร้า ๆ และพูดเสียงอ่อยน่าสงสาร
“รับประทานเมื่อมันลำ บากนกั กระผมก็ไม่ต้องการหรอกครับ ถ้าท่านจะกรุณากระผมแล้ว รบั
ประทานขอสาวใช้คุณสุมามาลย์ให้กระผมก็ได้ครับ รับประทานสาวใช้ในบ้านนั้นมีสวย ๆ หลายคน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ นิ่งนึกอยู่สักครู่
“มีหน้าตาพอไปได้ ข้าก็เห็นแต่นางแจ๋วคนเดียวเท่านั้น”
เจ้าแห้วรีบยกมือไหว้ท่านเจ้าคุณทันที
“รับประทานได้เหมือนกันครับ แม่แจ๋วถูกชาตากับผมมานานแล้ว”
คุณหญิงวาดถามว่า
“ถ้าข้าจะขอนางแจ๋วให้เอ็ง เอ็งจะตกลงไหมล่ะ”
“รับประทานตกลงครับ”
คุณหญิงวาดพยักหน้ารับทราบ
“ก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าจะจัดการส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอนางแจ๋วให้เอ็งในเร็ว ๆ นี้แหละ”
เจ้าแห้วทำ หน้าฉงน
“รับประทานท่านไม่ไปขอให้กระผมเองหรอกหรือขอรับ”
คุณหญิงวาดว่า
“ไม่จำ เป็นหรอก เพราะนางแจ๋วมันเป็นแต่เพียงสาวใช้ของท่านเจ้าคุณสีหราช ฯ เท่านั้น ข้าจะให้
พ่อหงวนกับอ้ายกรเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอให้เอ็ง แต่ว่าข้าจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งงานเอ็งกับนางแจ๋วอย่างสม
เกียรติทีเดียว”
เจ้าแห้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก้มลงกราบท่านทั้งสองด้วยความเคารพและกตัญญู
“รับประทานวันแต่งงาน มีโขนกับหนังตะลุงด้วยนะครับ จะได้ทำ ให้งานครึกครื้นขึ้นอีก”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ เอ็ดตะโรลั่น
“นั่นมันงานศพโว้ย เอาไว้เผามึง กูจะมีโขนและหนังตะลุงให้”
เจ้าแห้วหัวเราะ ยกมือไหว้เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ
“รับประทานกรุณาให้กระผมได้มีลูกมีเมียเสียทีเถอะครับ กระผมอยู่คนเดียวเช่นนี้เงินทองมัน
เหลือใช้ ไม่มีใครช่วยเก็บงำ รับประทานมีเมียเสียที กระผมจะได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้น แล้วก็…รับประทาน
พูดไม่อายหรอกครับ กระผมอยากมีลูกแฝดมานานแล้ว หรือถ้าไม่ได้ลูกแฝดรับประทานลูกกรอกก็ยังดี”
คุณหญิงวาดพูดตัดบท
“เรื่องลูกอย่าเพิ่งคิดเลยวะ คิดถึงเรื่องเมียเสียก่อนเถอะ เพราะลูกมันมาทีหลังเมีย เป็นอันว่าเอ็ง
ชอบนางแจ๋วแน่นะ”
“แน่ครับ รับประทานแม่แจ๋วมีอะไร ๆ หลายอย่างถูกใจกระผม”
ทันใดนั้นเอง สี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็พากันเดินออกมาจากห้องโถง ต่างกำ ลังจะไปนั่งเล่น
ที่ศาลาวงกลมในสวนดอกไม้ ทุกคนช่วยกันถือของคนละอย่างสองอย่าง มีขวดเหล้า, โซดา, ถ้วยแก้วและ
จานใส่กับแกล้ม ขณะนี้เป็นเวลากินเหล้าของสี่สหายแล้ว
ต่างหยุดยืนเบื้องหน้าประมุขของบ้าน “พัชราภรณ์” ทั้งสองท่าน เจ้าแห้วคลานเข้ามากอดขาเสี่ย
หงวน แล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“รับประทานเจ้าคุณกับคุณหญิงท่านจะขอเมียให้ผมขอรับ โอ๊ย-รับประทานดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว
รับประทานอาเสี่ยดูซีครับ เต้นหนุบหนับไปหมดทั้งตัวแล้ว มือไม้สั่นไปหมด”
กิมหงวนมองดูคุณหญิงวาดแล้วกล่าวถามยิ้ม ๆ
“จริงหรือครับคุณอา”
คุณหญิงวาดพยักหน้า
“อาสองคนปรึกษาหารือกัน เห็นพ้องต้องกันว่าอ้ายแห้วมีอายุมากแล้ว ควรจะมีลูกมีเมียกับเขา
เสียที ก็เลยไต่ถามความประสงค์ของมันดู ว่ามันรักใครชอบใคร ทีแรกเจ้าแห้วบอกอาว่ามันรักแม่สุมามาลย์
ลูกสาวเจ้าคุณสีหราช ฯ”
“อุ๊ย”
นิกรร้องลั่น ยกเท้าเตะก้นเจ้าแห้วดังพลั่ก แล้วหัวเราะก้าก
“อ้ายเวร มึงน่ะหรือรักคุณสุมามาลย์ ข้าเองพยายามยิ้มให้เธอตั้งหลายครั้งแล้ว เธอไม่เคยยิ้มให้
ข้าสักที หยิ่งอย่างหมาไม่กินเลย”
“นั่นน่ะสิครับ”
เจ้าแห้วพูดเสียงอ่อย
“รับประทานผมก็ทราบเหมือนกันว่าผมกับคุณสุมามาลย์ไม่ผิดอะไรกับพระจันทร์และกระต่าย
กระต่ายน้อยก็ได้แต่เฝ้าแหงนคอชะเง้อมองดวงจันทร์อันสูงลิบ รับประทานคิดได้เช่นนี้ ผมก็เลยเปลี่ยน
ความคิดขอให้ท่านไปขอแม่แจ๋วสาวใช้คนสนิทของคุณสุมามาลย์ให้ผม”
ดร. ดิเรกทำ ท่าเหมือนกับปวดศีรษะมาหลายวัน นายแพทย์หนุ่มมองดูเจ้าแห้วด้วยความอนาถใจ
แกมเศร้าระคนกัน
“แกแต่งงานกับแม่แจ๋วเหมาะแล้วเจ้าแห้ว สำ หรับคุณสุมามาลย์แกอย่าเพ้อฝันถึงเธอเลย”
พลกล่าวถามคุณหญิงวาดเบา ๆ
“คุณแม่ตกลงจะไปสู่ขอแม่แจ๋วให้อ้ายแห้วหรือครับ”
“จ้ะ-แต่ว่าถ้าพ่อหรือแม่ไปสู่ขอแม่แจ๋ว ก็เห็นจะไม่เหมาะแน่ เพราะแม่แจ๋วเป็นแต่เพียงสาวใช้ของ
เจ้าคุณสีหราช ฯ แม่คิดว่าแกควรจะขอให้เจ้าแห้วดีกว่า เจ้าคุณสีหราช ฯ ท่านก็ทราบดีว่าเจ้าแห้วเป็นคนใช้
คนสนิทของแก”
นายพัชราภรณ์หัวเราะหึ ๆ
“ผมเกิดมาเป็นตัวตน ไม่เคยทำ หน้าที่เป็นเถ้าแก่เลยครับคุณแม่ ให้อ้ายกรหรืออ้ายหงวนไปพูดสู่
ขอแม่แจ๋วดีกว่าครับ”
เสี่ยหงวนพูดเสริมขึ้นทันที
“ตกลงครับคุณอา ผมกับอ้ายกรไปสู่ขอให้อ้ายแห้วเอง เจ้าคุณสีหราช ฯ ท่านก็รักใคร่ผมเหมือน
กับลูกหลานของท่าน เมื่อเดือนก่อนผมเอาพระสมเด็จวัดระฆังไปให้ท่าน ท่านเลี้ยงผมเสียจนเมา ต้องคลาน
กลับบ้านเกือบถูกรถทับตาย”
แล้วกิมหงวนก็พูดกับเจ้าแห้ว
“เรื่องนี้เอ็งไม่ต้องวิตก ข้ากับอ้ายกรจะจัดการให้เรียบร้อย เจ้าคุณท่านจะเรียกสินสอดหรือเงิน
ทองสักเท่าใด ข้าสู้ทั้งนั้น ความจริงเอ็งก็รับใช้พวกข้ามาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเวลานานแล้ว”
เจ้าแห้วยกมือไหว้ปะหลก ๆ
“ขอบคุณครับเสี่ย รับประทานผมอยากมีเมียใจแทบขาดแล้ว ถ้าเจ้าคุณสีหราช ฯ ท่านไม่ยอมยก
นางแจ๋วให้ผม นังอะไรในบ้านนั้นก็ได้ครับ สักแต่ว่าให้เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หัวเราะก้าก แล้วกล่าวกับเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ
“ดีเหมือนกันเจ้าคุณ ให้อ้ายแห้วมันมีเมียเสียที มันจะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้น แม่แจ๋วน่ะใครกัน
นะครับ ผมนึกไม่ออก”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ว่า
“ก็นังเด็กสาวรูปร่างท้วม ๆ ผิวเนื้อค่อนข้างดำ ที่คุณหญิงสีหราช ฯ ท่านเคยใช้ให้เอากับข้าวมาให้
เราบ่อย ๆ ยังไงล่ะครับ”
“อ๋อ…..”
แล้วเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็ขมวดคิ้วย่น
“เอ-นึกไม่ออกครับ”
คุณหญิงวาดพูดขึ้นเบา ๆ
“เมื่อเย็นวานนี้เรานั่งคุยกันอยู่ที่สนามหน้าตึก คุณหญิงเนื่องท่านใช้ให้แม่แจ๋วเอาแกงมัสหมั่นมา
ให้เรายังไงล่ะคะ เจ้าคุณยังบอกดิฉันว่าเด็กคนนั้นสุภาพเรียบร้อยดี”
“โอ-นึกได้แล้วครับ ผมนึกว่าชื่อผ่องเสียอีก ก็เข้าทีดีนี่ครับ สมกับเจ้าแห้วมากทีเดียว”
เจ้าแห้วพูดเสริมขึ้นเบา ๆ
“รับประทานเหมือนกิ่งทองใบหยกนะครับ”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ค้อนเจ้าแห้ว แล้วกล่าวกับคณะพรรคสี่สหาย
“ไปเถอะโว้ยพวกเรา ได้เวลากินเหล้าแล้ว”
ครั้นแล้วสี่สหายกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็พากันเดินลงบันไดตรงเข้าไปในสวนดอกไม้หลังบ้าน เพื่อ
ตั้งวงดื่มสุรากันที่ศาลาวงกลมกลางสวนดอกไม้
ตอนเย็นวันนั้น เถ้าแก่ทางฝ่ายเจ้าแห้วคือนิกรกับอาเสี่ยกิมหงวนก็พากันมาที่บ้านของท่านเจ้า
คุณสีหราช ฯ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้าน “พัชราภรณ์” นั่นเอง มันเป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่โตหรูหราแห่งหนึ่งในย่าน
บางกะปิ เจ้าคุณสีหราช ฯ เป็นคหบดีผู้มั่งคั่งและเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการค้าในเวลานี้
เพื่อให้สมกับเป็นเถ้าแก่ สองสหายจึงแต่งตัวแบบไทยเดิม คือนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน สวมรองเท้า
แต่ไม่ได้สวมถุงเท้า สวมเสื้อชั้นนอกคอตั้งกระดุมห้าเม็ด ทั้งสองเดินกะเร่อกะร่าเข้าไปในบ้านเจ้าคุณสีหราช
ฯ พอได้ยินเสียงสุนัขเห่า นิกรกับเสี่ยหงวนก็ล่าถอยออกมายืนตั้งป้อมข้างบ้านพักของแขกยาม
คนทำ สวนของเจ้าคุณสีหราช ฯ กำ ลังดายหญ้าอยู่ริมสนามหน้าตึก แลเห็นสองสหาย ชายชราก็
เข้าใจว่าหมอดู เพราะการแต่งกายรุ่มร่ามเหมือนหมอดูแถวต้นมะขามสนามหลวง
“ออกไปเถอะพ่อคุณ ไม่มีใครเขาดูหรอก ประเดี๋ยวหมาฟัดตายไม่รู้นา”
กิมหงวนกลืนนํ้าลายเอื๊อก ร้องตะโกนไปบ้าง
“ฉันเองลุงแก้ว บ๊ะแล้ว….เห็นเป็นหมอดูไปได้ ช่วยดูหมาให้ทีซี”
ลุงแก้วยกมือป้องหน้าผากมองดู พอแลเห็นนิกรกับเสี่ยหงวนถนัด แกก็หัวเราะชอบใจ แล้วรีบลุก
เดินไปจับสุนัขพันธุ์ฝรั่งตัวสูงใหญ่ตัวหนึ่งออกไปล่ามโซ่ไว้ที่เรือนต้นไม้ สองสหายพากันเดินตรงมาที่ตัวตึก
พอลุงแก้วออกมาจากเรอื นตน้ ไม ้ นกิ รกก็ ลา่ วถามทนั ที
“เจ้าคุณท่านอยู่ไหมลุงแก้ว”
ชานชรากลั้นหัวเราะแทบแย่ เมื่อเห็นสองสหายแต่งตัวรุ่มร่ามเช่นนี้
“อยู่ขอรับ เชิญคุณขึ้นไปบนตึกเถอะครับ ดูเหมือนท่านอยู่ในห้องโถง”
กิมหงวนมองซ้ายมองขวา แล้วกล่าวถามเบา ๆ
“คุณสุมามาลย์ล่ะอยู่ไหม”
ชายชราสั่นศีรษะและตอบอย่างนอบน้อม
“ไม่อยู่หรอกครับ คุณสุมามาลย์ไปเล่นเทนนิสที่สมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ยังไม่กลับ เชิญขึ้น
ไปบนตึกซีครับ”
กิมหงวนเดินนำ หน้าพานิกรตรงไปที่ตัวตึกอันใหญ่โตกว้างขวาง แล้วขึ้นไปบนตึกเลยเข้าไปในห้อง
โถง สองสหายแลเห็นสุภาพบุรุษผู้สูงอายุคนหนึ่งกำ ลังนั่งอยู่บนโซฟาและเพลิดเพลินกับนิตยสารต่าง
ประเทศฉบับหนึ่ง ท่านผู้นี้คือพระยาสีหราชเกรียงศักดิ์ เจ้าของบ้านนี้นั่นเอง ท่านเจ้าคุณรู้จักกับกิมหงวน
และนิกรเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านกัน
“อ้อ-คุณกิมหงวน คุณนิกร เชิญ-เชิญซีคุณ บา-วันนี้แต่งกายแบบไทยเดิมซะด้วยนา”
เจ้าคุณสีหราช ฯ กล่าวทักอย่างกันเอง
สองสหายกระพุ่มมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม
“สวัสดีปีใหม่ครับใต้เท้า”
นิกรพูดยิ้ม ๆ
เจ้าคุณสีหราชทำ หน้าชอบกล
“ยัง-ยังไม่ถึงคุณนิกร นี่เพิ่งเดือนสิงหาเท่านั้น”
“ไม่เป็นไรครับใต้เท้า ผมสวัสดีปีใหม่ไว้ล่วงหน้าก่อนก็ได้”
แล้วเขาก็หันมาทางเสี่ยหงวน
“เชิญนั่ง ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ นั่งตามสบาย”
อาเสี่ยกลืนนํ้าลายเอื๊อก
“ไม่ใช่เรื่องของแกที่จะเชิญกันเลย แกไม่ใช้เจ้าของบ้านนี้”
เจ้าคุณสีหราช ฯ หัวเราะอย่างใจดี
“นั่ง-นั่งคุยกันเถอะ คุณสองคนมาเยี่ยมฉันหรือว่ามีธุระอะไร”
สองสหายทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน กิมหงวนยกมือป้องปากกระซิบกระซาบกับนิกร
“เราต้องชวนท่านคุยกับเราถึงเรื่องอื่น ๆ ก่อน เถ้าแก่ที่ดีจะต้องรู้จักกาละเทศะ”
นิกรป้องปากกระซิบบ้าง
“เสียเวลาน่า เจ้าคุณท่านเคยเป็นทหาร พูดกับท่านตรงไปตรงมาดีกว่า ไม่จำ เป็นต้องชักแม่นํ้าทั้ง
ห้า ถ้าท่านยกให้เราก็จะได้เตรียมงานแต่งงานให้อ้ายแห้วกับแม่แจ๋ว ถ้าท่านปฏิเสธไม่ยอมยกให้ เราก็จะได้
วางแผนการฉุดแม่แจ๋วไปให้อ้ายแห้ว”
อาเสี่ยสั่นศีรษะ
“อย่าวางแผนการฉุดแม่แจ๋วเลย กันขี้เกียจย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในคุก”
ท่านเจ้าสีหราช ฯ เห็นสองสหายกระซิบกระซาบกันก็ชักสงสัย
“คุณทั้งสองมีอะไรก็พูดกับฉันเถอะ อย่าได้เกรงใจเลยน่า นึกว่าเราเป็นกันเองจะดีมาก”
นิกรพยักหน้ากับเสี่ยหงวน
“แกพูดซี”
อาเสี่ยพยักหน้ากับนิกร
“แกดีกว่า แกมีวาทะศิลป์ในการพูดดีกว่ากัน เอาน่า….พูดเถอะน่า เจ้าคุณท่านไม่ใช่เสือหรือช้าง
หรอก ท่านคงไม่ทำ ไมแก”
เจ้าคุณสีหราช ฯ พูดเสริมขึ้น
“จริงซี ฉันไม่ใช่เสือ แล้วก็ไม่ใช่ช้างด้วย ฉันคือพระยาสีหราชเกรียงศักดิ์ ฉันเข้าใจว่าเท่าที่คุณสอง
คนมาหาฉันวันนี้ คงมีธุระอะไรที่จะขอให้ฉันช่วยเหลือเป็นแน่”
นิกรว่า
“ไม่ได้มีธุระหรอกครับใต้เท้า แต่ผมกับกิมหงวนมาหาใต้เท้าในฐานที่ผมเป็นเถ้าแก่ของเจ้าแห้ว
คนใช้เก่าแก่ของเรา”
ท่านเจ้าคุณทำ ตาปริบ ๆ แสดงท่าทีแปลกใจไม่น้อย
“คุณสองคนเป็นเถ้าแก่ของนายแห้ว…”
นิกรอมยิ้ม
“ถูกแล้วครับ ผมขอเรียนให้ใต้เท้าทราบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม เดี๋ยวนี้เจ้าแห้วของผม
ได้มีความสมัครรักใคร่แม่แจ๋วสาวใช้ของใต้เท้า ผมกับกิมหงวนอยากจะให้เจ้าแห้วได้อยู่ร่วมชีวิตกับแม่แจ๋ว
ก็เลยมาพูดสู่ขอแม่แจ๋วต่อใต้เท้า ผมหวังว่าใต้เท้าคงจะกรุณายกแม่แจ๋วให้เจ้าแห้วเป็นแน่ ใต้เท้าจะเรียก
ร้องเงินทองสักเท่าใดก็สุดแล้วแต่เถอะครับ”
เจ้าคุณสีหราช ฯ ทำ หน้าชอบกล นิ่งอึ้งไปสักครู่ท่านก็กล่าวว่า
“นายแห้วรักนังแจ๋วของฉัน…”
“ครับ”
นิกรตอบ
“เป็นความจริงขอรับ ผมกับกิมหงวนถือโอกาสนี้สู่ขอให้เจ้าแห้วด้วยความเคารพยิ่ง”
คราวนี้เจ้าคุณสีหราช ฯ ยิ้มออกมาได้
“เจ้าแห้วกับนางแจ๋วของฉันมันเกิดรักใคร่กันขึ้นมาแล้วยังงั้นหรือ คุณทั้งสองถึงได้เป็นเถ้าแก่มาสู่
ขอ”
อาเสี่ยว่า
“มิได้ครับ แจ๋วกับแห้วไม่ได้รักใคร่กันหรอกครับ เพียงแต่เจ้าแห้วชอบแจ๋วของใต้เท้าและมีความ
ปรารถนาที่จะแต่งงานด้วย”
โดยไม่ต้องคิด เจ้าคุณสีหราช ฯ ตอบเถ้าแก่ทางฝ่ายเจ้าแห้วทันที
“ตกลงคุณนิกร เป็นอันว่าฉันยกแจ๋วให้นายแห้ว ตามที่คุณทั้งสองมาพูดสู่ขอ”
กิมหงวนถามขึ้นทันที
“เจ้าคุณจะเรียกร้องอะไรบ้างเล่าครับ”
เจ้าคุณว่า
“จะเรียกก็แต่เพียงเงินสัก ๑,๐๐๐ บาท และทองอีกสักสองบาท เท่าที่เรียกร้องเช่นนี้ก็เป็นไปตาม
ประเพณีนิยม”
นิกรยิ้มให้ท่านเจ้าคุณสีหราช ฯ
“ตกลงครับใต้เท้า พรุ่งนี้เย็นผมจะนำ เงินและทองหมั้นมามอบให้ใต้เท้า ส่วนการแต่งงานระหว่าง
เจ้าแห้วกับแม่แจ๋วควรกำ หนดเสียเร็ว ๆ เอาวันอาทิตย์หน้าดีไหมครับ”
ท่านเจ้าคุณนิ่งคิด
“เอ-เรื่องนี้ฉันจะต้องเรียกตัวนังแจ๋วมาไต่ถามดูเสียก่อน ถ้าหากว่านังแจ๋วมันไม่สมัครใจฉันก็ไม่
อยากจะข่มโคขืนให้กินหญ้า”
กิมหงวนว่า
“ถ้าเช่นนั้นใต้เท้าเรียกมาถามเสียเดี๋ยวนี้เถอะครับจะได้รู้เรื่อง ถ้าหากว่าแม่แจ๋วไม่ตกลงปลงใจ
ผมกับเจ้ากรก็จะได้วางแผนการฉุดแม่แจ๋วต่อไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องใช้
คาถา”
เจ้าคุณสีหราช ฯ ทำ หน้าชอบกล
“เอากันยังงี้เชียวเรอะ”
อาเสี่ยหัวเราะ
“ครับ เป็นตายอย่างไรผมก็ต้องให้เจ้าแห้วแต่งงานกับแม่แจ๋วให้ได้”
คนใช้ของเจ้าคุณคนหนึ่งถือถาดใส่ขวดนํ้าอัดลมชั้นดี ๓ ขวด เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งคุกเข่าแล้ววาง
ถาดลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเจ้าคุณสีหราช ฯ ท่านเจ้าคุณกล่าวกับคนใช้ของท่านทันที
“อ้ายเรือง ไปตามนังแจ๋วมาพบข้าหน่อย”
“ครับผม ใต้เท้าจะต้องการเหล้าบ้างไหมครับ”
นิกรพูดขึ้นทันที
“ไปเอามาเถอะนายเรือง ขอกับแกล้มสักจานนะพี่”
คนใช้เก่าแก่ของเจ้าคุณสีหราช ฯ ยิ้มเล็กน้อย พาตัวเดินออกไปจากห้องโถง ท่านเจ้าคุณส่งนํ้าอัด
ลมให้อาเสี่ยกับนิกร แต่สองสหายปฏิเสธ
“ขอบพระคุณครับใต้เท้า”
เสี่ยหงวนพูดยิ้ม ๆ
“ผมกับนํ้าอัดลมไม่ถูกโรคกันหรอกครับ แฮ่ะ แฮ่ะ เหล้าดีกว่าครับ”
“งั้นเรอะ งั้นรอเดี๋ยวนะ”
สองสหายสนทนากับเจ้าคุณสีหราช ฯ สักครู่ หญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายขมุกขมอมแต่หน้าตาคม
ขำ ได้พาตัวเดินเข้ามาในห้องโถงและทรุดตัวนั่งคลานเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยเบื้องหน้าเจ้าคุณสีหราช ฯ
หล่อนคือแจ๋วสาวใช้เก่าแก่ของท่านเจ้าคุณนั่นเอง
นิกรยิ้มให้หล่อน
“ยังไงจ๊ะแจ๋ว สบายดีหรือ”
สาวใช้ยิ้มอาย ๆ และตอบนอบน้อม
“ขอบคุณค่ะ สบายดี”
แล้วหล่อนก็หันมาทางท่านเจ้าคุณ
“ท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ”
เจ้าคุณสีหราช มองดูคนของท่านด้วยความปรานี
“นังแจ๋ว ปีนี้เอ็งอายุเท่าไรวะ”
ใบหน้าของสาวใช้แดงระเรื่อ หล่อนตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง
“๑๙ เจ้าค่ะ”
อาเสี่ยจุ๊ปาก
“กำ ลังขบเผาะทีเดียว”
ท่านเจ้าคุณค้อนเสี่ยหงวน แล้วพูดกับสาวใช้เก่าแก่ของท่าน
“คุณกิมหงวนกับคุณนิกรเขาเป็นเถ้าแก่ทางฝ่ายนายแห้วมาพูดกับข้าเพื่อสู่ขอเอ็ง เอ็งจะว่ายังไง
แจ๋ว บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เอ็งควรจะมีผัวกับเขาเสียที นับวันผู้ชายมันหายากไม่เหมือนแต่ก่อนข้าอยากจะยก
เอ็งให้แต่งงานกับนายแห้วเขา เอ็งจะได้เป็นหลักเป็นฐานพ้นอกข้าไป”
สาวใช้อายม้วนต้วน นั่งก้มหน้านิ่งเฉย
“พูดซีโว้ยแจ๋ว ความจริงนายแห้วเขาก็เป็นคนดี”
สาวใช้ตอบอ้อมแอ้ม
“แล้วแต่จะโปรดเถอะค่ะ ดิฉันไม่เคยนึกรักนายแห้วเลยนี่คะ ทะลึ่งออกจะตายไป แล้วก็สูบกัญชา
ด้วย”
เถ้าแก่ทั้งสองยิ้มแห้ง ๆ ไปตามกัน นิกรรีบพูดกลบเกลื่อน
“ถูกละแจ๋ว เจ้าแห้วมันติดจะทะลึ่งสักหน่อย แต่ถึงมันทะลึ่งก็ทะลึ่งอย่างน่าเอ็นดูนะเธอ ส่วน
กัญชาเจ้าแห้วเลิกสูบอย่างเด็ดขาด คุณอาหญิงท่านยื่นคำ ขาดว่า ถ้าเจ้าแห้วสูบกัญชาอีกและท่านจับได้
ท่านจะไล่ออกไปจากบ้านทันที ตกลงเถอะน่าน้องสาว ฉันกับเสี่ยหงวนจะประกอบพิธีมงคลสมรสให้หรูหรา
ทีเดียว”
สาวใช้นั่งนิ่งเฉย มีท่าทางกระสับกระส่าย เจ้าคุณสีหราช ฯ กล่าวกับแจ๋วต่อไป
“หยวนเถอะวะแจ๋ว หรือยังไง อ้าว-นั่งแคะสะดือเล่นเสียแล้ว”
“อุ๊ยตาย”
สาวใช้ร้องลั่น
“ดิฉันเกาพุงของดิฉันต่างหากคะ”
ท่านเจ้าคุณหัวเราะชอบใจ
“เอ็งจะตกลงหรือไม่ก็ว่ามา”
“ดิฉัน…ง่า…สุดแล้วแต่ท่านจะเห็นสมควรเถอะค่ะ”
เสี่ยหงวนยิ้มแป้น เขากล่าวกับเจ้าคุณสีหราช ฯ
“เป็นอันว่า แม่แจ๋วแกไม่ขัดข้องแล้วถึงได้พูดอย่างนี้ ผมกลับไปนี่เตรียมพิมพ์การ์ดเชิญได้แล้วนะ
ครับ เปลี่ยนชื่อแม่แจ๋วเสียให้เพราะหน่อย”
“จะเปลี่ยนว่าอย่างไรดีล่ะ”
เจ้าคุณถาม
นิกรพูดขึ้นทันที
“เอาชื่อเดิมแหละครับ แต่ใส่คำ ว่าแหววไว้ข้างหลังอีกคำ หนึ่ง ชื่อแจ๋วแหววฟังแล้วแจ๋วไปเลย ส่วน
อ้ายแห้วของผมชื่อศักดิ์แห้ว”
นายเรืองคนใช้เก่าแก่ของเจ้าคุณสีหราช ฯ ยกถาดใบใหญ่ใส่ขวดวิสกี้โซดา กับแกล้มและแก้ว
เหล้าเดินเข้ามาในห้องโถง มีเด็กรุ่นหนุ่มถือถาดใส่จานกับแกล้ม ๒ จาน ตามเข้ามาด้วย
“เชิญ-ตามสบายนะคุณกิมหงวนและคุณนิกร นึกว่าเป็นกันเองไม่ต้องเกรงใจ ฉันตั้งใจจะไปคุยกับ
เจ้าคุณทั้งสองและคุณหญิงวาดหลายวันแล้ว ก็หาเวลาว่างได้ยากเต็มทน พอเย็นมีแขกมาหาแน่นบ้านทุก
วัน”
พูดจบท่านก็ผสมวิสกี้โซดาส่งให้กิมหงวนและนิกรคนละแก้ว
นิกรหันมายิ้มกับแจ๋ว
“ขอมะขามเปียกให้ฉันสักปั้นเถอะน้องสาว เอาเกลือมานิดหน่อยนะ ถ้าได้มะดันดิบ ๆ ยิ่งดี”
แจ๋วรับคำ สั่งแล้วลุกขึ้นเดินก้มตัวออกไปจากห้อง สักครู่หนึ่งหล่อนก็นำ มะขามเปียกและเกลือป่น
มาให้นายจอมทะเล้นตามความประสงค์ เจ้าคุณสีหราช ฯ กล่าวกับสองสหายอย่างเป็นงานเป็นการ
“สำ หรับแจ๋ว ฉันไม่ขัดข้องอะไรหรอกคุณ แต่ต้องปรึกษาหารือกับคุณหญิงเขาดูก่อน ขณะนี้คุณ
หญิงเขาไม่อยู่เสียด้วย ถ้าคุณหญิงเขาตกลงก็ไม่มีปัญหา”
“ว้า”
อาเสี่ยคราง
“ใต้เท้ากลัวเมียด้วยหรือครับนี่”
“แล้วกัน”
เจ้าคุณสีหราช ฯ พูดเสียงดุ ๆ
“ในโลกนี้ยังมีอะไรอีกที่น่ากลัวยิ่งไปกว่าเมียของเรา”
เสี่ยหงวนหัวเราะก้าก
“สำ หรับผมไม่เคยกลัวเมียเลยครับ”
ท่านเจ้าคุณอมยิ้ม
“ยังงั้นเรอะ แต่ฉันทราบว่า คุณถูกคุณนวลซ้อมบ่อย ๆ บางทีก็ปากคอปลิ้นเป็นครุฑ”
พูดจบท่านก็หันมาทางแจ๋วสาวใช้เก่าแก่ของท่าน
“เอ็งจะไปทำ อะไรก็ไปเถอะ เป็นอันว่าเอ็งเตรียมตัวมีผัวได้แล้ว”
สาวใช้ละอายจนหน้าแดง หล่อนรีบลุกขึ้นเดินก้มตัวออกไปจากห้องโถงทันที ต่อจากนั้นเจ้าคุณ
สีหราช ฯ และสองสหายก็ดื่มเหล้าและสนทนากันอย่างครื้นเครง เจ้าคุณสีหราช ฯ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก
ปราศจากการถือเนื้อถือตัว ส่วนคุณหญิงของท่านก็เช่นเดียวกัน
คุณหญิงเนื่อง สีหราชเกรียงศักดิ์ ไม่ยอมตกลงในเรื่องแจ๋วสาวใช้เก่าแก่ของท่าน คุณหญิงบอกกับ
สองสหายว่า
“แจ๋วเป็นเด็กในบ้านที่ฉันเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อย ฉันน่ะไม่ขัดข้องอะไรหรอก แต่ขอให้เจ้าคุณ
ประสิทธ์ิ ฯ และคณุ หญงิ วาดเปน็ ผใู้ หญม่ าพดู สขู่ อแจว๋ กบั เราดกี วา่ ฉันเกี่ยงแต่เพียงเท่านี้แหละ ส่วนเงิน
ทองไม่มีการเรียกร้องอะไรหรอก เพราะฉันกับเจ้าคุณของฉันกำ ลังมีโครงการระบายบ่าวไพร่ข้าเก่าเต่าเลี้ยง
ออกจากบ้าน เนื่องจากค่ากินอยู่มันแพงขึ้นทุกวัน เลี้ยงไม่ไหว สาวใช้ของฉันเจ๊กแป๊ะมาขอฉันให้ทั้งนั้น ขอ
ให้เป็นคนดีก็แล้วกัน เมื่อสองสามวันก็ยกให้แขกตัดหญ้าไปคนหนึ่ง”
เมื่อเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ทราบเช่นนี้ท่านก็ชวนคุณหญิงของท่านไปที่บ้านเจ้าคุณสีหราช ฯ ในตอน
บ่ายวันหนึ่งในฐานะเป็นเถ้าแก่ของนายแห้ว การสู่ขอแจ๋วหรือแจ๋วแหววได้ตกลงกันเรียบร้อยในวันนั้นเอง
“ดิฉันยกนังแจ๋วของดิฉันให้ฟรี”
คุณหญิงเนื่องพูดอย่างสปอร์ท
“ดิฉันไม่ได้เลี้ยงนังแจ๋วไว้เพื่อเป็นสินค้า ขอให้เจ้าคุณกับคุณหญิงจัดการตามประเพณีก็แล้วกัน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ว่า
“ขอบคุณมากเชียวครับคุณหญิง เป็นอันว่าเราจะได้เป็นแผ่นหนังผืนเดียวกันแล้ว”
เจ้าคุณสีหราช ฯ ทำ หน้าชอบกล
“ทำ ไมเจ้าคุณถึงพูดอย่างนี้ มีแต่เขาว่าเป็นแผ่นทองอันเดียวกัน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ หัวเราะชอบใจ
“แผ่นทองหมายถึงลูกหลานของเรา ส่วนแผ่นหนังหมายถึงสาวใช้หรือคนใช้ของเรา”
คุณหญิงเนื่องหัวเราะลั่น
“ถูกแล้วค่ะ เจ้าคุณเข้าใจเปรียบเทียบมาก”
แล้วท่านก็หันมายิ้มกับคุณหญิงวาด
“เราจะจัดการให้เด็กของเราแต่งงานกันเมื่อไรดีล่ะคะคุณหญิง”
คุณหญิงวาดนิ่งคิดอยู่สักครู่
“แต่งวันศุกร์ที่ ๒๘ เดือนนี้ดีไหมคะ จะได้มีเวลาเตรียมตัวสัก ๑๐ วัน”
คุณหญิงเนื่องว่า
“ดีเหมือนกันค่ะ เป็นอันว่าเจ้าคุณของดิฉันจะเป็นเจ้าภาพฝ่ายนางแจ๋วและเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ
เป็นเจ้าภาพฝ่ายนายแห้ว อ้อ ดิฉันต้องขอตกลงไว้เสียก่อนนะคะ ต่อไปจะได้ไม่ผิดพ้องหมองใจกัน”
คุณหญิงวาดอมยิ้ม
“ตกลงยังไงอีกคะคุณหญิง”
คุณหญิงเนื่องว่า
“ถ้าหากว่าลูกของนังแจ๋วคนแรกเป็นผู้ชาย ดิฉันขอนะคะ ดิฉันจะเอามาเลี้ยงเอง อยากได้ลูกผู้
ชายลูกบุญธรรมมานานแล้ว”
คุณหญิงวาดทำ หน้าชอบกล
“ไม่ขัดข้องเลยค่ะ ดิฉันทูนหัวให้เลย อ้ายแห้วจะมีลูกกับแม่แจ๋วสักกี่โหล ขอให้คุณหญิงเอามา
เลี้ยงเถอะค่ะ เรื่องเด็กดิฉันไม่คิดที่จะเลี้ยงอีกแล้ว ที่บ้านพวกคนใช้ของดิฉันมีลูกกันกระจองอแงหนวกหูจน
แทบจะทนไม่ไหว ตกลงค่ะคุณหญิง แต่ว่าถ้าลูกแฝดดิฉันเอานะคะ”
คุณหญิงเนื่องขมวดคิ้วย่นแล้วเอียงคออมยิ้ม
“ได้หรือคะ ดิฉันเป็นฝ่ายผู้หญิงดิฉันต้องเอาลูกแฝดซีคะ ดิฉันอยากได้มานานแล้ว”
คุณหญิงวาดชักไม่พอใจ
“เอ-เรื่องนี้ถ้ามันจะยุ่งเสียแล้วละค่ะ ถ้าเจ้าแห้วมีลูกแฝดเราจะต้องพิพาทกันแน่นอน ที่ถูกต้อง
เป็นสิทธิ์ของดิฉัน เพราะเจ้าแห้วเป็นคนของดิฉันและเป็นคนสร้างพลเมือง”
คุณหญิงเนื่องพูดขึ้นทันที
“ก็นังแจ๋วของดิฉันเป็นคนให้กำ เนิดเด็กนี่คะ ลูกของนังแจ๋วดิฉันจะต้องมีสิทธิ์มากกว่าคุณหญิง”
“ว้า—“
เจ้าคุณสีหราช ฯ เอ็ดตะโรขึ้น
“ยังไม่ทันจะแต่งงานกันเลย ทะเลาะกันเรื่องลูกเสียแล้ว ให้มันแต่งงานกันก่อนเถอะน่า เมื่อมันมี
ลูกออกมา ใครอยากได้ก็พูดจาหารือกันทีหลัง”
คุณหญิงเนื่องทำ ตาเขียวกับเจ้าคุณสีหราช ฯ
“เราต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเด็ก ๆ ได้หรือคะ มีอะไรต้องพูดกัน
ให้รู้เรื่องก่อน สำ หรับนางแจ๋วถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชายหรือถ้ามีลูกแฝดก็ต้องเป็นสิทธิ์ของดิฉันอย่างไม่มี
ปัญหา”
คุณหญิงวาดพูดโพล่งขึ้นทันที
“เอาเถอะค่ะ ถ้าอ้ายแห้วมีลูกเป็นผู้ชาย ดิฉันยกให้คุณหญิง แต่ถ้าเป็นลูกแฝดหรือลูกกรอกแล้ว
เป็นตายอย่างไรดิฉันก็ยอมให้คุณหญิงไม่ได้”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พยักหน้ากับเจ้าคุณสีหราช ฯ
“เราไปคุยกันในห้องโถงดีกว่าครับเจ้าคุณ ปล่อยให้คุณหญิงของเราโต้เถียงกันในเรื่องลูกเจ้าแห้ว
และแม่แจ๋วเสียก่อน อย่างช้าคงไม่เกินสามสี่ชั่วโมงก็จะตกลงกันได้”
เจ้าคุณสีหราช ฯ เห็นพ้องด้วย
“นั่นน่ะซีครับ เข้าทำ นองแพะยังไม่ทันจะเลี้ยง ต้นไม้ยังไม่ทันจะปลูก เจ้าของแพะกับเจ้าของต้น
ไม้ทะเลาะกันเสียแล้ว”
พูดจบท่านก็พยักหน้ากับเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ แล้วพากันลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขก
ในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าแห้วและแจ๋วก็ตกลงกันโดยเรียบร้อยเป็นที่พอใจของท่านผู้
ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ต่างกำ หนดพิธีมงคลสมรสระหว่างนายศักดิ์แห้ว กับแจ๋วแหววในวันศุกร์ที่ ๒๘ เดือนนี้ที่
บ้าน “พัชราภรณ์”
พอถึงวันงาน บ้าน “พัชราภรณ์” ก็มีการเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เจ้าภาพได้ออกบัตรเชิญแขกผู้
มีเกียรติมารดนํ้าอวยพรในราว ๕๐ คน ส่วนแขกกินเลี้ยงซึ่งเป็นมิตรสหายของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมี
ประมาณ ๖๐ คน โดยมากเป็นพวกคนใช้ชายหญิงบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นเอง
พิธีรดนํ้าพระพุทธมนต์และประสาทพรเริ่มในเวลา ๑๗.๐๐ น. ตรงตามฤกษ์ เจ้าคุณสีหราช ฯ กับ
คุณหญิงเนื่องได้มาช่วยงานนี้อย่างแข็งแรง ส่วนเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดและเจ้าคุณปัจจนึก ฯ
นันทา, นวลลออ, ประภาและประไพก็เหน็ดเหนื่อยไปตามกัน
ก่อนเวลา ๑๗.๐๐ น. เล็กน้อย
๔ สหายนั่งดื่มเหล้าสรวลเสเฮฮากันอยู่ในห้องพักผ่อนชั้นบนของตัวตึก ทุกคนแต่งกายแบบสากล
เรียบร้อย โดยเฉพาะ ดร. ดิเรกผูกเนคไทหูกระต่ายท่าทางสง่าผ่าเผยสมกับที่เป็นหัวนอก ขณะที่ ๔ สหาย
กำ ลังดื่มเหล้าและคุยกันเอ็ดตะโร เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็พาตัวเดินเข้ามาในห้องสำ ราญ ท่านเจ้าคุณแต่งกาย
แบบไทยเดิม นุ่งผ้าม่วงสีเลือดหมูสวมเสื้อคอตั้งกลัดกระดุม ๕ เม็ดเรียบร้อย
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ หยุดชะงักมองดู ๔ สหายอย่างเคือง ๆ
“ยังไงกันโว้ย แอบมากินเหล้าอยู่ที่นี่เอง ได้เวลาจะรดนํ้าแล้ว”
นิกรยิ้มให้พ่อตาของเขา
“รดก็รดซีครับ ผมไม่ใช่เจ้าบ่าวนี่นา”
เจ้าคุณยกมือเกาศีรษะ
“ก็ลงไปช่วยทำ อะไรบ้างซี อย่างน้อยก็ช่วยกันรับแขก แขกเขามากันให้เต็มบ้านทำ เป็นทองไม่รู้
ร้อนอยู่ได้ คุณหญิงด่าพวกแกจนเอากระบุงโกยไม่ไหวแล้ว”
เสี่ยหงวนยกแก้วนํ้าสีเหลืองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วพูดกับเพื่อนเกลอของเขา
“ไปโว้ยพวกเรา ลงไปช่วยอ้ายแห้วมันหน่อย จะได้เสียเป็นเมียเป็นผัวกันยังจะให้คนอื่นเขาเดือด
ร้อนอีก”
ครั้นแล้ว ๔ สหายก็ลุกขึ้นยืน พากันเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตามออกไปด้วย
ทุกคนลงบันไดมายังห้องโถง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดยืนหันรีหันขวางอยู่กลางห้อง พอแลเห็น ๔
สหาย คุณหญิงวาดก็เปิดฉากโจมตีทันที ท่านยกมือเท้าสะเอวแล้วเอ็ดตะโรลั่นบ้าน
“ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาวะหา ใจคอจะไม่ยอมช่วยอะไรกันบ้างเชียวรึ”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ จุ๊ปากห้ามภรรยาของท่าน
“อย่าเอ็ดไปน่าคุณหญิง ขายหน้าแขกเขา เตรียมตัวพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปนั่งเตียงเถอะ”
นิกรพูดขึ้นด้วยเสียงอ้อแอ้
“เจ้าบ่าวอยู่ไหนครับคุณอา ขอให้ผมชมเจ้าบ่าวสักหน่อย”
คุณหญิงวาดมองดูหลานชายจอมทะเล้นของท่านด้วยความหมั้นไส้
“แก ๔ คนออกไปหน้าตึก คอยรับแขกเถอะย่ะ อีก ๕ นาทีเท่านั้นก็ถึงเวลารดนํ้าแล้ว จะต้องเริ่มรด
นํ้าตามฤกษ์ เกินเวลาไม่ได้”
พลกล่าวกับคณะพรรคของเขา
“ไปโว้ย ออกไปหน้าตึกเถอะพวกเรา อื้อฮือ…ชักเมาเสียแล้ว”
พูดจบเขาก็พาเพื่อนเกลอทั้งสามออกไปจากห้อง
คุณหญิงวาดยกมือจับแขนเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ คนละข้างพาเดินเข้าไปในห้อง
ขวามือซึ่งเป็นห้องพิธี ภายในห้องตกแต่งอย่างงดงาม มีตั่งเท้าสิงห์ตั้งอยู่ด้านในสุดของห้อง เจ้าแห้วยืนหน้า
เซ่ออยู่ในห้องนี้พร้อมด้วยเพื่อนคนใช้ของเขาอีกหลายคน ซึ่งทุกคนแต่งกายสากลอย่างหรูหรา โดยเฉพาะ
เจ้าแห้วปาล์มบิชสีเทาทั้งชุด เสื้อคอแบะกระดุมสองแถวผูกเนคไทตาหมากรุกสีฟ้าสลับดำ ผัดหน้าขาวว่อก
หวีผมเรียบร้อย
“เตรียมตัวได้แล้วเจ้าแห้ว”
คุณหญิงวาดกล่าวกับเจ้าบ่าว
“อย่าไปไหนนะอยู่นี่แหละ ข้าจะไปตามเจ้าสาว”
พูดขาดคำ เจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่องก็พาเจ้าสาวของเจ้าแห้วเข้ามาในห้องพิธี แจ๋วแหวว
สวมเสื้อกระโปรงวิวาห์ชุดสีขาว มีผ้าคลุมศีรษะประดับดอกไม้ ลักษณะท่าทางของแจ๋วแหววราวกับลูกผู้ดีมี
สกุล เจ้าสาวของเจ้าแห้วมีทีท่ากระดากอายและประหม่าไม่น้อย
“ได้เวลาแล้วละครับ คุณหญิง”
เจ้าคุณสีหราช ฯ พูดกับคุณหญิงวาด
“ก็เอาซีคะ เอ้า-แม่แจ๋วกับพ่อแห้วนั่งเตียงได้”
หนุ่มสาวต่างขึ้นนั่งบนเตียงสำ หรับรดนํ้าพระพุทธมนต์ เจ้าคุณประสิทธิ์กล่าวกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ
“เจ้าคุณช่วยสวมมงคลแฝดหน่อยซีครับ”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยิ้มแห้ง ๆ
“ให้เจ้าคุณสีหราช ฯ ดีกว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่าผม รูปร่างก็สูงใหญ่กว่าผม”
แล้วเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็กล่าวกับเจ้าคุณสีหราช ฯ
“เชิญสิครับเจ้าคุณ สวมมงคลแฝดได้แล้ว ผมจะได้ออกไปเชิญคุณท้าวใหญ่ขึ้นรดนํ้าเป็นคนแรก”
เจ้าคุณสีหราช ฯ เดินเข้ามายืนหน้าเตียง คู่บ่าวสาวนั่งพับเพียบเรียบร้อยนั่งอยู่เคียงกัน เจ้าแห้ว
กล่าวถามท่านเจ้าคุณสีหราช ฯ เบา ๆ
“รับประทานรดหรือยังล่ะครับ”
เจ้าคุณสีหราช ฯ กลืนนํ้าลายเอื๊อก
“เดี๋ยวโว้ย”
เจ้าแห้วทำ หน้ากะเรี่ยกะราด
“รับประทานผมอยากรดนํ้าเต็มทนแล้วครับ รับประทานดีใจจนเนื้อเต้น”
แล้วเจ้าแห้วก็หันมายิ้มให้เจ้าสาวของเขา
“อย่ากระดากกระเดื่องเลยแจ๋วจ๋า คืนนี้แห้วจะเล่านิทานให้เธอฟัง”
เจ้าคุณสีหราช ฯ หันมาถามคุณหญิงวาด
“มงคลแฝดอยู่ไหนล่ะครับ คุณหญิง เร็วหน่อยครับ อีกสองนาที ๕ โมงเย็นแล้ว เกินเวลาไปจะเสีย
ฤกษ์”
คุณหญิงวาดทำ หน้าเลิ่กลั่ก หันมาถามสาวใช้ของท่าน
“มงคลแฝดล่ะนังม่อม”
ละม่อมยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ทราบนี่เจ้าคะ ดิฉันเห็นคุณหญิงถือลงมากับพานทองใส่สังข์”
“เอ-ตกหายเสียที่ไหนแล้วกระมัง ด้ายสายสิญจน์เส้นเล็กนิดเดียวเท่านั้นทำ อย่างไรดีล่ะ เอา
เสวียนหม้อในครัวมาสวมแทนก่อนไม่ได้หรือ”
เจ้าแห้วสะดุ้งสุดตัว
“รับประทานเมื่อมันลำ บากนักก็อย่าสวมเลยครับ รับประทานขืนเอาเสวียนหม้อสวมแทนมงคล
แฝด พวกแขกคงไม่กล้ารดนํ้าผมเป็นแน่ เขาคงนึกว่าเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคงจะไม่สบายมาก”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตาไวเหลือบแลเห็นมงคลแฝดตกอยู่ด้านซ้ายของตั่งเท้าสิงห์ ท่านก็เดินไปก้มลง
หยิบขึ้นมา เอามาส่งให้เจ้าคุณสีหราช ฯ เพื่อนนายทหารรุ่นเดียวกับท่าน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าสาว
“เอาซีครับเจ้าคุณ สวมหัวเลย”
เจ้าคุณสีหราช ฯ ยกมงคลแฝดขึ้นสวมศีรษะเจ้าสาวแล้วก็สวมศีรษะเจ้าบ่าวตามธรรมเนียม คุณ
หญิงวาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยกมือชี้หน้าเจ้าแห้วแล้วพูดสัพยอก
“แกต้องพยายามมีลูกแฝดให้ได้ ฉันตกลงกับคุณหญิงเนื่องไว้แล้ว ถ้าแกมีลูกชายคุณหญิงเนื่องก็
จะเอาไปเลี้ยง แต่ถ้าแกมีลูกแฝดหรือลูกกรอก ฉันจะเป็นผู้เลี้ยงดูเอง”
เจ้าบ่าวทำ ตาปริบ ๆ
“รับประทานติ๋งต่างว่าเป็นกระเทยล่ะครับ”
คุณหญิงวาดตวาดแว้ด
“เป็นกระเทยมึงเลี้ยงเอาเองซี วิตถารมนุษย์ มีอย่างที่ไหนให้ลูกเป็นกระเทย โตขึ้นก็จะไปเที่ยวรำ
วงที่นั่นที่นี่”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ
“เอา-เตรียมพร้อมได้แล้ว เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ที่ไหน เข้าประจำ ที่ ใครเป็นคนแจกของชำ ร่วย
ให้แขกไปยืนที่ประตูนั่น แจกคนละถุงเท่านั้น ใครขอสองถุงอย่าให้ ใครไม่มีหน้าที่ออกไปจากห้องนี้ได้ เร็ว
โว้ยอย่ารํ่าไร ได้ฤกษ์แล้ว”
เสียงนาฬิกาปารีสเรือนใหญ่ในห้องโถงตีกังวาน ๕ ครั้ง บอกเวลา ๑๗.๐๐ น. ซึ่งตรงกับฤกษ์รดนํ้า
แล้ว คุณหญิงวาดหันมาพูดกับเจ้าคุณปัจจนึก ฯ อย่างเป็นงานเป็นการ
“ได้เวลาแล้วค่ะเจ้าคุณ ออกไปเชิญคุณพี่มาได้แล้ว”
ท่านหมายถึงคุณท้าวใหญ่ พี่สาวร่วมสายโลหิตของท่าน ซึ่งจะเป็นผู้รดนํ้าเป็นคนแรก
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ รับคำ พาตัวเดินออกไปจากห้องพิธี ผ่านห้องโถงออกมาหน้าตึก
ในเวลาเดียวกันนี้เอง บรรดาแขกผู้มีเกียรติทั้งชายและหญิง ซึ่งโดยมากเป็นผู้สูงอายุประมาณ
๕๐ คน ได้นั่งอยู่ในเต้นท์ที่สนามหน้าตึก เตรียมตัวที่จะขึ้นมารดนํ้าอวยพรคู่บ่าวสาว
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินตรงมาที่เต้นท์หลังนั้นเข้ามาหาสุภาพสตรีบรรดาศักดิ์คนหนึ่ง ซึ่งนั่งวางท่า
อยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่เป็นพิเศษ ท่านคือคุณท้าวใหญ่พี่สาวของคุณหญิงวาดนั่นเอง คณุ ทา้ วใหญแ่ ตง่
กายภูมิฐานตามแบบไทย คือนุ่งซิ่นยกลายทอง สวมเสื้อผ้ายกเช่นเดียวกัน ท่าทางของท่านสง่าผ่าเผย
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยกมือไหว้คุณท้าวใหญ่อย่างนอบน้อม
“เชิญครบั คณุ พี่ ไดเ้ วลารดนา้ํ แล้ว”
คุณท้าวใหญ่ยิ้มเล็กน้อย
“จะให้ดิฉันรดนํ้าเป็นคนแรกหรือคะเจ้าคุณ”
“ครับ-ถูกแล้ว คุณพี่เป็นผู้ที่มีอาวุโสที่สุดในที่นี้ เชิญซีครับ”
คุณท้าวใหญ่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินนำ หน้าพาท่านขึ้นไปบนตึก เลยเข้าไปในห้อง
โถงและห้องพิธี เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวหมอบนิ่งเฉย เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดยืนอยู่ทางซ้ายของห้อง
เจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่องยืนอยู่ทางขวา คุณท้าวใหญ่เดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าคู่บ่าวสาว ชาย
กลางคนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยื่นพานทองใส่สังข์ให้คุณท้าวใหญ่อย่าง
นอบน้อม คุณท้าวใหญ่หยิบสังข์ออกมาจากพานทอง หยดนํ้าสังข์ลงบนมือคู่บ่าวสาวแล้วให้พรเบา ๆ
“ขอให้เจ้าสองคนมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ เถอะนะ สำ หรับเจ้าแห้วข้าขอเตือนว่า ต่อไปนี้เจ้าจะ
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ขอให้เลิกสูบกัญชาอย่างเด็ดขาด”
คุณท้าวใหญ่วางสังข์ลงบนพานทอง แล้วเดินเข้ามาหาเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาด
“จัดงานได้เรียบร้อยดีนี่เจ้าคุณ แต่ว่าแขกน้อยไปหน่อย”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พูดกับคุณท้าวใหญ่อย่างนอบน้อม
“ผมไม่ได้เชิญแขกมากมายหรอกครับคุณพี่ เชิญแต่เฉพาะเพื่อนฝูงและญาติมิตรเท่านั้น ถึงเจ้า
คุณสีหราช ฯ ก็เช่นเดียวกัน”
คุณหญิงวาด วิ่งไปจูงมือพาเจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่องมารู้จักกับพี่สาวของท่าน ต่างฝ่าย
ต่างทักทายโอภาปราศรัยกันเป็นอย่างดี สักครู่หนึ่งคุณท้าวใหญ่ก็เดินออกไปจากห้องพิธีเพื่อให้แขกอื่น ๆ
ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามารดนํ้าอวยพร เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตามออกไปส่งคุณท้าวใหญ่
ต่อจากนั้นบรรดาแขกผู้มีเกียรติก็ค่อย ๆ กันเข้ามารดนํ้าคู่บ่าวสาวตามลำ ดับอาวุโส เจ้าแห้วกับ
แจ๋วแหววปลาบปลื้มใจเหลือที่จะกล่าว ต่างนึกไม่ถึงว่าตนจะมีโอกาสอันดีงามได้แต่งงานกันอย่างหรูหรา
เช่นนี้
อาเสี่ยกิมหงวนเดินนำ หน้าพาพลกับนิกรและ ดร. ดิเรกเข้ามาในห้องพิธีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่ม
ใส เจ้าคุณสีหราช ฯ ยิ้มให้ ๔ สหาย
“เชิญ เชิญ”
กิมหงวนเดินเข้าไปรดนํ้าเป็นคนแรก เขาเอื้อมมือหยิบสังข์จากผู้จัดการผลประโยชน์ของเจ้าคุณ
ปัจจนึก ฯ แล้วหันมาถามพลเบา ๆ
“รดยังไงวะ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งเคยรดนํ้าคู่บ่าวสาววันนี้แหละ”
พลว่า
“รดลงบนมือนั่นแหละ”
กิมหงวนหัวเราะ
“แต่งงานแบบคนไทยสู้แบบจีนไม่ได้”
พูดจบเขาก็ยกสังข์ขึ้นรดฝ่ามือซ้ายของเขา
คุณหญิงวาดร้องเอ็ดตะโร
“เฮ้ย รดมือเจ้าบ่าวเจ้าสาวซีโว้ย ไม่ใช่รดมือแก”
อาเสี่ยสะดุ้งเฮือก หันมาทำ ตาเขียวกับนายพัชราภรณ์
“แล้วก็ไม่บอกด้วยว่ามือใคร บอกว่ารดมือ กันก็นึกว่ารดมือกันน่ะซี”
พลหัวเราะอย่างขบขัน
“รดมือแกหาหอกอะไรเล่า แกแต่งงานกับเขาด้วยเรอะ อย่ารํ่าไรโว้ย แขกอีกหลายคนกำ ลังรอเข้า
มารดนํ้า”
กิมหงวนหยดนํ้าสังข์ลงบนมือเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แล้วเขาก็กล่าวคำ อวยพรด้วยเสียงหนักแน่น
“ขอให้มีความสุขความเจริญ หัวปีท้ายปีช่วยกันสร้างชาติด้วยความมานะอุตสาหะ พลเมืองไทย
จะได้เพิ่มจำ นวนขึ้น”
แล้วกิมหงวนก็วางสังข์ลงบนพานทอง
นิกรปราดเข้ามารดนํ้าคู่บ่าวสาวต่อไป เขาเอื้อมมือหยิบสังข์ขึ้นมาถือ แล้วยกขึ้นดื่มเพราะรู้สึกหิว
นํ้า
“เฮ้ย”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ตะโกนลั่นห้อง
“ดันกินเข้าไปแล้ว นํ้านั่นสำ หรับรดให้คู่บ่าวสาว แล้วกัน….กินเข้าไปทำ ไม”
นายจอมทะเล้นขมวดคิ้วย่น
“ก็มันหิวนี่ครับ ไม่เห็นมีใครเอานํ้าหรือนํ้าอัดลมมาให้พวกเรากินบ้างเลย”
แล้วนิกรก็หันมายิ้มกับคู่บ่าวสาว
“ยังไง แม่แจ๋วแหวว ระวังตัวให้ดีนาเดี๋ยวจะว่าไม่บอก”
ดร. ดิเรกยกมือตบหลังนายจอมทะเล้นค่อนข้างแรง
“ไม่ใช่เวลาที่แกจะมาพูดเล่นโว้ย รีบรดนํ้าให้พรเสีย อย่าให้คนอื่นเขาต้องเสียเวลารอคอยแกเลย”
นิกรยกสังข์ขึ้นจะรดนํ้า แต่แล้วด้วยความซุ่มซ่ามของเขา นายจอมทะเล้นก็ปล่อยสังข์หลุดจากมือ
โดยไม่มีเจตนา คุณหญิงวาดกับคุณหญิงเนื่องร้องอุทานขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“คุณพระช่วย”
“เพล้ง”
สังข์ซึ่งเป็นเปลือกหอยหุ้มทองคำ แตกละเอียด เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวหน้าซีดเผือด เพราะเปรียบ
เหมือนลางร้ายที่ปรากฏให้เห็นว่า ชีวิตวิวาห์จะไม่ราบรื่นเสียแล้ว คุณหญิงวาดตบอกผาง
“ตายแล้วอ้ายกร…ทำ ไมแกถึงซุ่มซ่ามอย่างนี้หา”
พูดพลางเดินเข้ามายกกำ ปั้นทุบหลังหลานชายของท่านดังสนั่นหวั่นไหว
“สังข์แตกแล้วจะทำ อย่างไรกัน”
นิกรยิ้มแห้ง ๆ ก้มลงมองดูสังข์ซึ่งแตกออกเป็นหลายเสี่ยง
“ผมไม่ได้แกล้งเลยครับ พอยกขึ้นจะรดมันลื่นหลุดมือไปเอง”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ เอ็ดตะโรลั่น
“แล้วจะทำ ยังไงกัน แขกอีกตั้งหลายคนยังไม่ได้รดนํ้า”
คุณหญิงโกรธหลานชายของท่านเหลือที่จะกล่าว หันมาพูดกับคุณหญิงเนื่อง
“ที่บ้านมีสังข์อีกไหมคะ”
คุณหญิงเนื่องสั่นศีรษะ
“ไม่มีหรอกค่ะ สังข์ตัวที่แตกไปนี่ดิฉันก็ขอยืมมาจากคุณหญิงเฉลา”
คุณหญิงวาดนิ่งคิด
“ถ้ายังงั้นคุณหญิงกันแขกไว้ก่อนค่ะ อย่าเพิ่งให้ใครเข้ามารดนํ้า”
พูดจบท่านก็หันมาทางนายจอมทะเล้น แล้วพูดกับนิกรอย่างเป็นงานเป็นการ
“เร็ว-ขึ้นไปบนตึกหาภาชนะอะไรมาแทนสังข์ให้ได้ แกนี่มันซุ่มซ่ามสิ้นดีทีเดียว อยู่ดี ๆ ก็มาทำ ลาย
พิธีเขา”
นายการุณวงศ์ถอนหายใจหนัก ๆ
“เอาขันเงินมาแทนสังข์ได้ไหมล่ะครับ”
คุณหญิงวาดตวาดแว้ด
“มีธรรมเนียมที่ไหนวะใช้ขันเงินแทนสังข์”
นิกรชักฉิว
“แล้วยังงั้นเอาอะไรล่ะครับ”
“ไม่รู้ละ แกไปหามาให้ได้ก็แล้วกัน”
นิกรบ่นพึมพำ พาตัวเดินออกไปจากห้องพิธี คุณหญิงเนื่องรีบออกไปหน้าห้องบอกกับพวกแขกให้
ทราบว่าเกิดอุปัทวเหตุสังข์สำ หรับรดนํ้าตกแตก ขอให้พวกแขกเสียเวลารอคอยสักประเดี๋ยว เวลาผ่านไปใน
ราว ๕ นาที นิกรก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง มือขวาของเขาถือกระบอกฉีด ดี.ดี.ที. อันกระทัดรัด
นายจอมทะเล้นวางกระบอกฉีด ดี.ดี.ที. ลงบนเตียงคู่บ่าวสาว เจ้าแห้วกับแจ๋วแหววสะดุ้งเฮือกสุด
ตัว คุณหญิงวาดอ้าปากหวอ
“อ้ายกร”
ท่านอุทานเสียงหัวเราะ
“นี่แกจะให้แขกใช้กระบอกฉีดยากันยุง ฉีดเจ้าแห้วกับแม่แจ๋วยังงั้นเรอะ”
นิกรยิ้มแห้ง ๆ
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ ใช้แก้ขัดไปก่อนคงจะได้ ผมเอานํ้าอบอย่างดีผสมกับนํ้ามาจนเต็ม ให้แขกฉีด
คนละนิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น”
คุณหญิงเนื่องทำ ท่าเหมือนกับจะเป็นลม
“อกแตกแน่ ถ้ายังงี้ละก้อเขาไม่เรียกว่ารดนํ้าแล้วละคุณนิกร”
นายจอมทะเล้นหันมายิ้มกับคุณหญิงเนื่อง
“แล้วเรียกว่ากระไรล่ะครับ”
“เขาเรียกว่าฉีดนํ้า”
เจ้าคุณสีหราชว่า
“เอาเถอะน่า คุณหญิง ขอให้พิธีผ่านไปให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ขืนรํ่าไรประเดี๋ยวแขกเขาหนีกลับ
หมด”
แล้วท่านก็หันมายิ้มให้เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เพื่อนเก่าของท่าน
“เชิญแขกต่อไปได้แล้วครับเจ้าคุณ”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บ่นพึมพำ แล้วพูดกับพล
“เอา-แกกับดิเรกรดนํ้าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเสียซี อาจะเชิญแขกที่เข้าคิวอยู่หน้าห้องให้เข้ามารดนํ้า”
นิกรว่า
“เดี๋ยวซีครับ เมื่อกี้นี้ผมยังไม่ได้รดนํ้า พอขยับสังข์ก็หลุดจากมือตกแตก ในฐานที่เจ้าแห้วเป็นคน
ใช้เก่าแก่ของผม ผมต้องรดนํ้าอวยพรให้ตามธรรมเนียม”
นิกรยกกระบอกฉีด ดี.ดี.ที. ขึ้นมาถือแล้วฉีดใส่หน้าเจ้าแห้วและเจ้าสาว
“ขอให้มีความสุขความเจริญทั้งสองคน อายุ, วรรโณ, สุขัง, พลัง, สตางค์”
พลเอื้อมมือรับกระบอกฉีด ดี.ดี.ที. จากนายจอมทะเล้น แล้วเขาก็ฉีดหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทำ ให้
เจ้าบ่าวจามออกมาดัง ๆ ขณะที่นายพัชราภรณ์ได้กล่าวคำ พร
“ฮ๊าด-ชะเอ๊ย….”
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างหัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน เจ้าแห้วบ่นกระปอดกระแปด
“รับประทานการแต่งงานของผมพิสดารที่สุดในโลก เป็นรายแรกที่ใช้การฉีดนํ้าแทนการรดนํ้า รับ
ประทานพอเสร็จพิธีผมก็คงเป็นตะพ้านตาย”
ดร. ดิเรกหัวเราะหึ ๆ หยิบกระบอกฉีด ดี.ดี.ที. ขึ้นมาถือแล้วพูดกับเจ้าแห้ว
“พิธีแต่งงานที่อินเดียน่ะยิ่งกว่านี้อีกแก เขาใช้สูบนํ้าดับเพลิงฉีดหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว บางทีก็ถึงกับ
หน้าแหกไปตามกัน ง่า-ฉันจำ ได้ว่าครั้งหนึ่ง นางข้าหลวงของท่านมหาราชาจันทรกุมาร ได้แต่งงานกับคหบดี
มีชื่อคนหนึ่ง….”
เจ้าแห้วหัวเราะ
“รับประทานฉีดนํ้าให้กระผมเสียก่อนเถอะครับ เอาไว้เล่าให้ผมฟังวันหลังดีกว่า”
นายแพทย์หนุ่มอมยิ้ม ยกที่ฉีดยากันยุงฉีดหน้าเจ้าแห้วดังฟูด แล้วหันมาฉีดหน้าเจ้าสาวเต็มรัก
“ข้าพเจ้าด๊อกเตอร์ดิเรก ขอกล่าวคำ พรด้วยจริงใจ พรใดที่เป็นพรอันประเสริฐและความปรารถนา
ในสิ่งที่ดีงามทุกประการ ขอจงประสบแด่คู่บ่าวสาวตลอดไป ไชโย้”
กิมหงวนสะดุ้งเฮือก
“ไม่ต้องไชโยโว้ย ไชโยน่ะเขาไว้ร้องเวลากินเลี้ยง แต่พวกเราหมดหวังในเรื่องที่จะกินเลี้ยงกับเขา
ในคืนวันนี้แล้ว เพราะเราเป็นผู้ใหญ่เขาเชิญแต่เพียงรดนํ้าเท่านั้น”
นายแพทย์หนุ่มส่งเครื่องฉีด ดี.ดี.ที. ให้ผู้จัดการผลประโยชน์ของพ่อตาของเขา ต่อจากนั้นเจ้าคุณ
ปัจจนึก ฯ ก็เชิญแขกที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องพิธี ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาฉีดนํ้าและอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาว ซึ่ง
ทำ ให้แขกทุกคนแปลกใจไปตามกันเมื่อได้เห็นพิธีแต่งงานที่ประหลาดที่สุดในโลก
เมื่อพวกแขกรดนํ้าเสร็จแล้ว เจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่อง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิง
วาดและเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็ได้ฉีดนํ้าอวยพรให้คู่บ่าวสาวตามธรรมเนียม นันทาพานวลลออกับประภาและ
ประไพเข้ามาในห้องพิธีล้าหลังเพื่อน ๔ นางต่างฉีดนํ้าและอวยพรให้เจ้าแห้วกับแจ๋วแหวว
พิธีรดนํ้าและประสาทพรสิ้นสุดลงในเวลา ๑๗.๓๐ น. พวกแขกที่ได้รับเชิญมาในงานต่างย่อย ๆ
กันลากลับบ้าน เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวถูกเพื่อนฝูงสัพยอกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เสียงกระแอมไอดังลั่น
ไปหมด ใคร ๆ ต่างชมเปาะว่าเจ้าสาวของเจ้าแห้วสวยเรียบ ๆ น่าเอ็นดู
คืนวันนั้นเอง เจ้าภาพได้จัดให้มีการกินเลี้ยงอาหารคํ่าแบบโต๊ะจีน แก่มิตรสหายของคู่บ่าวสาวที่
สนามหน้าตึก “พัชราภรณ์” นั่นเอง โต๊ะอาหารราว ๑๐ โต๊ะตั้งอยู่เรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย การกินเลี้ยง
เป็นไปอย่างสนุกสนาน ส่วนท่านผู้ใหญ่และคณะพรรค ๔ สหายรับประทานอาหารกันอยู่ในห้องโถงของตัว
ตึก
การเลี้ยงสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. มิตรสหายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างย่อย ๆ กันลาก
ลับ
ก่อนเวลาส่งตัวเล็กน้อย ๔ สหายได้พากันเข้าไปในห้องพิธี ต่างแลเห็นเจ้าแห้วกำ ลังยืนชมของ
ขวัญประมาณ ๕๐ ห่อหรือชิ้นตั้งอยู่เต็มโต๊ะ เสี่ยหงวนให้แจกันทองคำ หนัก ๓๐ บาท คุณท้าวใหญ่ให้ขันเงิน
ใบใหญ่มีพานรอง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดให้เครื่องรับวิทยุ ๘ หลอดหนึ่งเครื่อง เจ้าคุณสีหราช ฯ
กับคุณหญิงเนื่องให้พัดลมตั้งขนาด ๑๕ นิ้วหนึ่งเครื่อง พล พัชราภรณ์ให้ปากกาและดินสอปลอกทองหนึ่ง
ชุด นิกรให้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าและยาระงับกลิ่นจั๊กกะแร้ ดร. ดิเรกให้เครื่องสำ อางราคาแพงหนึ่งชุด เจ้า
คุณปัจจนึก ฯ ให้นาฬิกาข้อมือชั้นเยี่ยมแก่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคนละเรือน นวลลออให้ตู้เย็นขนาดจิ๋วหนึ่งตู้
เหมาะสำ หรับสองคนผัวเมีย นันทาให้เช็คหนึ่งฉบับเซ็นสั่งจ่ายเงิน ๒,๐๐๐ บาท ประภาให้ตู้ยากระทัดรัด
พร้อมด้วยยาต่าง ๆ หนึ่งตู้ ประไพให้ออร์แกนอิตาลีหนึ่งเครื่อง
เจ้าแห้วกล่าวกับเจ้าพุ่มเพื่อนคนใช้ของเขาเบา ๆ ไม่รู้ว่า ๔ สหายมายืนข้างหลัง
“เฝ้าให้ดีนะโว้ยอ้ายพุ่ม แจกันทองคำ ของอาเสี่ยแกต้องระวังให้มาก สำ คัญคุณนิกรเท่านั้น”
นายจอมทะเล้นทำ คอย่น เดินเข้ามายกมือเขกศีรษะเจ้าบ่าวเต็มแรงเกิด
“นี่แน่ะ”
เจ้าแห้วสะดุ้งเฮือก หันขวับมาทางนิกรแล้วยิ้มแห้ง ๆ รีบยกมือไหว้
“แฮ่ะ แฮ่ะ ผมพูดเล่น ๆ น่ะครับ รับประทานคุณเข้ามาเมื่อไหร่ไม่ยักทราบ”
นิกรชักฉิว
“เดี๋ยวก็จะเตะเข้าให้เท่านั้น แจกันทองคำ ของขวัญของแกน่ะราคาไม่กี่สตางค์หรอกวะ ฉันไม่
อยากได้หรอก”
เจ้าแห้วมองดูเจ้านายของเขาอย่างชื่นใจ
“รับประทานผมปลื้มใจเหลือเกินครับ ที่พวกคุณเมตตากรุณาผมอย่างล้นเหลือ ของขวัญเหล่านี้
รับประทานผมจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
กิมหงวนเดินเข้ามายัดเยียดห่อกระดาษห่อหนึ่งใส่มือเจ้าแห้ว
“เอ้า-ข้าให้เอ็งเป็นพิเศษ”
เจ้าแห้วขมวดคิ้วย่น กระซิบถามอาเสี่ยเบา ๆ
“รับประทานอะไรครับอาเสี่ย”
เสี่ยหงวนยิ้มเล็กน้อย
“นํ้ามันใส่ผมยาร์ดเล่ย์”
เจ้าแห้วทำ ตาปริบ ๆ
“รับประทานขอบคุณครับ แต่ว่า…รับประทานผมไม่เคยใช้ยาร์ดเล่ย์หรอกครับ ผมใช้ไบรครีมเป็น
ประจำ ”
อาเสี่ยจุ๊ปาก
“เถอะน่า ข้ามีแก่ใจให้เอ็ง เอ็งเก็บไว้ใช้ก็แล้วกัน ก็เพราะข้ารู้ว่าเอ็งใช้ไบรครีมน่ะซี ข้าถึงซื้อยาร์ด
เล่ย์มาให้ วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของเอ็ง พวกข้าพลอยตื่นเต้นยินดีไปด้วย แจกันทองคำ ของข้าน่ะอย่าเอา
ไปขายนะโว้ย ถ้าเดือดร้อนเรื่องการเงินเอามาให้ข้า ข้าจะให้เงินเอ็ง แจกันอันนี้ราคา ๑๓,๐๐๐ บาท ฝีมือ
สวยงามมาก ข้าจ้างเขาทำ เป็นพิเศษเพื่อให้เป็นของขวัญเอ็ง”
เจ้าแห้วยกมือไหว้กิมหงวนอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณครับ ผมปลื้มใจในพระคุณของพวกเจ้านายจนแทบจะพูดอะไรไม่ถูกแล้ว”
ดร. ดิเรกยิ้มให้เจ้าแห้ว
“เอ็งมีแผนการที่จะพาเจ้าสาวของเอ็งไปฮันนีมูนที่ไหนหรือเปล่า ได้ยินคุณอาหญิงบอกว่าท่านจะ
ให้เอ็งลาหยุดงาน ๒ อาทิตย์”
เจ้าแห้วยิ้มอาย ๆ
“รับประทานต้องคิดดูก่อนครับ คืนนี้ผมจะลองปรึกษากับน้องแจ๋วดู บางทีเราอาจจะไปเที่ยว
อเมริกากันก็ได้”
นิกรแยกเขี้ยว ขยับเท้าจะเตะเจ้าแห้ว
“โธ่-อ้ายเวร ค่าเครื่องบินจากเมืองไทยไปอเมริกาคนหนึ่งหมื่นกว่าบาทแล้ว สองคนไปมาเฉพาะ
ค่าเครื่องบินในราว ๕๐,๐๐๐ บาท”
เจ้าแห้วหัวเราะเบา ๆ
“ก็นั่นน่ะซีครับ รับประทานถ้าอาเสี่ยออกเงินค่าเครื่องบินไปกลับให้ผมกับน้องแจ๋ว รับประทานผม
ไปฮันนีมูนที่อเมริกาแน่ ๆ”
เสี่ยหงวนสั่นศีรษะช้า ๆ
“อย่าเพ้อฝันให้มันมากนักเลยวะอ้ายแห้ว ไปแค่บางแสนหรือหัวหินก็โก้ถมไปแล้ว เอาละ สมมุติ
ว่าข้าออกค่าเครื่องบินให้เอ็งกับแจ๋วแหวว เอ็งไปถึงอเมริกาแล้วเอ็งจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย อย่างขี้หมูขี้หมา
วันหนึ่งเอ็งจะต้องใช้เงินในราว ๓,๐๐๐ บาท เพราะเอ็งกับยายแจ๋วแหววจะต้องทำ ตัวให้ภาคภูมิในฐานะ
ของนักท่องเที่ยว”
เจ้าแห้วเอียงคออมยิ้ม
“รับประทานอาเสี่ยก็ต้องออกค่าใช้จ่ายให้ผมอีกด้วยน่ะซีครับ”
กิมหงวนหัวเราะ
“ดีจริงพ่อมหาจำ เริญ แล้วมันกงการอะไรของฉันด้วยล่ะที่ฉันจะต้องจ่ายเงินจำ นวนแสนให้แกพา
เมียไปฮันนีมูนถึงอเมริกา แกรักจะดื่มนํ้าผึ้งพระจันทร์แล้ว แค่บางปูสำ หรับแกก็ดีถมไป เช่าบังกาโลอยู่
เงียบ ๆ นอนคุยกันกะหนุงกะหนิง เล่านิทานสู่กันฟังบ้าง ผลัดกันเกาหลังบ้าง เท่านี้แกก็จะได้รับความสุข
อย่างเต็มที่”
นิกรพูดเสริมขึ้น
“ถ้าจะให้นํ้าผึ้งพระจันทร์ของแกมีรสหวานชื่นจริง ๆ แล้ว ไปเช่าโรงแรมแถวหัวลำ โพงอยู่ดีกว่า ผู้ที่
อยู่ห้องข้างเคียงจะได้มีโอกาสได้ชมบทบาทรักของแกบ้าง”
เจ้าแห้วหัวเราะ
“รับประทานไม่ไหวละครับ ห้องหนึ่ง ๆ มีรูตั้งร้อยรู เรื่องโรงแรมฝาไม้ละก้อรับประทานผมเข็ดจน
ตาย”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พาเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาดเข้ามาในห้อง ทำ ให้การสนทนาหยุด
ชะงักลงชั่วขณะ ท่านเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยิ้มให้เจ้าแห้ว
“เฮ้ย ถึงเวลาฤกษ์ส่งตัวแล้วโว้ยเจ้าแห้ว”
เจ้าแห้วอายม้วนต้วน
“แหม-รับประทานทำ ไมถึงเร็วนักล่ะครับ รับประทานผมไม่อยากให้ถึงเลย เข้าไปอยู่ในห้องแล้วรับ
ประทานกระดากเจ้าสาวเหลือเกิน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ หัวเราะหึ ๆ
“งั้นเอาไว้ส่งตัวพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
เจ้าแห้วสะดุ้งโหยง
“แฮ่ะ แฮ่ะ รับประทานส่งก็ส่งเสียเถอะครับ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันที”
คุณหญิงวาดกล่าวกับเจ้าแห้ว
“ปากว่าตาขยิบ ประเดี๋ยวแม่แกล้งให้นอนหง่าวเฝ้าห้องเสียสักห้าหกวันหรอก ไปซี เจ้าสาวเขา
คอยอยู่แล้ว”
ครั้นแล้วท่านผู้ใหญ่ทั้งสามก็พาเจ้าแห้วออกไปจากห้องพิธี ๔ สหายติดตามไปด้วยในฐานที่เป็นผู้
ใหญ่ฝ่ายเจ้าแห้ว
เพื่อให้เกียรติแก่เจ้าแห้วคนใช้เก่าแก่ของท่าน คุณหญิงวาดจึงมอบห้องพิเศษซึ่งเป็นห้องนอน
หรูหราสำ หรับต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาจากต่างจังหวัดให้เจ้าแห้วกับแจ๋วเป็นห้องนอนชั่วคราว ต่อไปเจ้า
แห้วก็จะพาแจ๋วไปอยู่ห้องของเขาที่เรือนพักคนใช้ ห้องที่กล่าวนี้อยู่ด้านตะวันออกชั้นบนของตัวตึก
ที่หน้าห้อง นันทา, นวลลออ, ประภาและประไพยืนจับกลุ่มสนทนากันอยู่ เมื่อท่านผู้ใหญ่และ ๔
สหายเดินผ่านเฉลียงหลังตึกตรงเข้ามา นันทาก็ปราดเข้ามาหาคุณหญิงวาด
“มีอะไรที่จะใช้พวกหนูอีกไหมคะ”
คุณหญิงวาดยิ้มให้หลานสาวของท่าน
“ไม่มีอะไรแล้วแม่นัน ไปพักผ่อนกันเถอะลูกมายืนแกร่วกันอยู่ทำ ไม ง่า-เจ้าสาวอยู่ไหนล่ะ”
นันทามองไปทางด้านตะวันตกของตัวตึก
“อยู่ในห้องสำ ราญค่ะ เจ้าคุณกับคุณหญิงท่านกำ ลังให้โอวาทเจ้าสาว”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พูดเสริมขึ้น
“ยังงั้นเจ้าไปเรียนท่านทีซีว่า ได้เวลาส่งตัวแล้ว”
พูดจบท่านก็หันมาทางเจ้าบ่าว
“ไป-อ้ายแห้ว เข้าไปอยู่ในห้องก่อน”
เจ้าแห้วทำ ท่ากระดากกระเดื่อง
“รับประทานช่วยจูงกระผมหน่อยซีครับ รับประทานเอ็กไซด์จนเดินไม่ไหวแล้ว”
คุณหญิงวาดยกมือขวาจับหูเจ้าแห้วพาเดินเข้าไปในห้อง เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พา ๔ สหายเข้าไป
ด้วย ส่วน นันทา, นวลลออ,ประภาและประไพต่างแยกย้ายกันไปห้องนอนของหล่อนเพราะไม่มีอะไรที่จะ
ต้องทำ อีกแล้ว
ภายในห้องที่จัดไว้สำ หรับคู่บ่าวสาวใหญ่โตกว้างขวางมาก เตียงนอนขนาด ๕ ฟิต ตั้งอยู่ทางขวา
มือของห้องนอน เป็นเตียงไม้พ่นแลกเกอร์แบบทันสมัย เครื่องประดับทุกชิ้นในห้องนี้ล้วนมีราคาแพงทั้งสิ้น
ตามปรกติเจ้าแห้วเป็นผู้รับผิดชอบทำ ความสะอาดกวาดถูห้องนี้ แต่คืนนี้เขามีโอกาสได้นอนบนเตียงนอน
อันอ่อนนุ่ม ซึ่งมีผ้าปูนอนขาวสะอาด นอกจากนี้ยังมีสิทธิอิสรภาพทุกสิ่งทุกอย่าง
เจ้าแห้วทรุดตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนพรมปูพื้น ๔ สหายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน เจ้าคุณ
ประสิทธ์ิ ฯ กับคุณหญงิ วาดและเจา้ คณุ ปจั จนกึ ฯ นงั่ บนเกา้ อชี้ ดุ รบั แขกซงึ่ อยใู่ นหอ้ งนอนอนั กวา้ งขวาง
ด้านขวามือของห้องเป็นห้องนํ้าขนาดใหญ่ มีอ่างอาบนํ้า อ่างล้างหน้า ห้องส้วมชั้นที่หนึ่ง ชักโครกปรูดเดียว
เกลี้ยงเลย
สักครู่หนึ่ง เจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่องก็พาเจ้าสาวเดินเข้ามาในห้อง แจ๋วแหววของเจ้า
แห้วสวมเสื้อกระโปรงชุดสีฟ้าแก่ แต่งหน้าและแต่งผมเรียบร้อย ทาปากแดงแจ๊ดเหมือนกับกินเลือดใครมา
ท่าทางของแจ๋วแหววเต็มไปด้วยความกระดากอายอย่างยิ่ง
“แจ๋ว”
นิกรพูดเสียงยานคาง
“นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ให้ดีนะอีหนู”
“อุ๊ย”
คุณหญิงวาดอุทานขึ้น หันมาทำ ตาเขียวกับนายจอมทะเล้น
“พูดตะหวักตะบวยอะไรก็ไม่รู้”
คุณหญิงเนื่องประคองแจ๋วแหววให้นั่งลงข้างเจ้าแห้ว แล้วท่านกับเจ้าคุณสีหราช ฯ ก็ทรุดตัวนั่งบน
โซฟาริมหน้าต่าง เจ้าคุณสีหราช ฯ หันมายิ้มให้เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ
“เจ้าคุณครับ ก่อนจะส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าว เจ้าคุณกับคุณหญิงขึ้นไปนอนบนเตียงเสียหน่อยซี
ครับ จะได้เป็นศุภนิมิตอันดีงามของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะอยู่ร่วมรักร่วมชีวิตกันยืนนานเหมือนเจ้าคุณกับคุณ
หญิง”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ พยักหน้าช้า ๆ และหันมาทางเมียรักของท่าน
“เอาเคล็ดหน่อยคุณหญิง”
ท่านทั้งสองหัวเราะคิกคัก แล้วลุกขึ้นพากันเดินไปที่เตียงนอน เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาด
ต่างลงนอนบนเตียงนั้น
อาเสี่ยพูดขึ้นเบา ๆ
“จูบกันเสียหน่อยซีครับ เอาน่า…”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับคุณหญิงวาด รีบพรวดพราดลุกขึ้น คุณหญิงค้อนเสี่ยหงวนทันที
“แก่จะเข้าโลงแล้วยังจะให้จูบกันอีก”
กิมหงวนหัวเราะ
“เป็นอะไรไปล่ะครับ”
ประมุขของบ้าน “พัชราภรณ์” ทั้งสองท่านพากันมานั่งเก้าอี้ตามเดิม ภายในห้องเงียบกริบ เจ้า
บ่าวกับเจ้าสาวนั่งก้มหน้านิ่งเฉย เจ้าคุณสีหราช ฯ ให้โอวาทคู่บ่าวสาวตามธรรมเนียม
“ขอให้เจ้าทั้งสองคน จงรักกันถนอมกัน อยู่ร่วมรักกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่าตายจากกันไป ข้าขอ
ฝากแจ๋วด้วยนะแห้ว แจ๋วมันเพิ่งแตกเนื้อสาวเมื่อวันสองวันนี้เอง มันไม่สู้จะเข้าอกเข้าใจอะไรหรอก ผิดพลั้ง
ก็จงว่ากล่าวสั่งสอน อย่าถึงกับตบตีกัน”
เจ้าแห้วยิ้มหวานจ๋อย
“รับประทานมั่นใจเถอะครับ กระผมจะรักและเทิดทูนแจ๋วแหววให้เหมือนกับแม่บังเกิดเกล้าของ
ผมทีเดียว”
คุณหญิงเนื่องหัวเราะชอบใจ
“นั่น มันต้องอย่างนั้น โบราณว่าเมียดีก็เหมือนกับแม่ ผัวดีก็เหมือนกับลูก”
๔ สหายสะดุ้งเฮือกพร้อม ๆ กัน นิกรสอดขึ้นเบา ๆ
“ผัวดีก็เหมือนอย่างพ่อซีครับคุณหญิง”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ จุ๊ปาก โบกมือห้ามนิกรไม่ให้พูดอะไรเพราะเป็นเวลาที่ผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวและ
เจ้าสาวกำ ลังอบรมสั่งสอนและมอบตัวให้เป็นผัวเป็นเมียกัน
เจ้าคุณสีหราช ฯ ยิ้มให้เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ
“เอาซีครับเจ้าคุณ เจ้าคุณกับคุณหญิงจะให้โอวาทอะไรแก่คู่บ่าวสาวบ้างก็เชิญ สำ หรับผมกับคุณ
หญิงของผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
คุณหญิงวาดโบกมือห้ามสามีของท่าน
“เดี๋ยว เจ้าคุณอย่าเพิ่งพูด ให้ดิฉันพูดก่อน”
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ยิ้มแห้ง ๆ
“เชิญ เชิญตามสบายคุณหญิง”
คุณหญิงวาดนั่งทรงตัวตรง มองดูคู่บ่าวสาวด้วยความกรุณา นิ่งอึ้งไปสักครู่ท่านก็กล่าวขึ้นด้วย
เสียงกังวาน
“เจ้าแห้ว ต่อจากนี้ไปเอ็งก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ข้าขอเตือนเอ็งว่าให้รู้จักการควรเว้นและควร
ประพฤติและเอ็งจะต้องรักเมียของเอ็งเป็นอย่างดี อย่าริอ่านโกหกตอแหลเมียเหมือนอ้ายลิงทะโมนสี่คนนั่นเราผัวเมียกันต้องซื่อสัตย์ต่อกัน จงรักภักดีต่อกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องอดทนอภัยให้แก่กัน ไม่ควร
ทะเลาะเบาะแว้งหรือมีเรื่องระหองระแหงกัน ข้าขออวยพรให้เอ็งกับแจ๋ว จงปกป้องครองกันด้วยความผาสุกเถิด”
เจ้าแห้วกับแจ๋วแหววต่างก้มลงกราบรับคำ พรคุณหญิงวาด ต่อจากนั้นเจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ก็ถือ
โอกาสให้โอวาทและให้พรสองหนุ่มสาว
“เจ้าอย่าโมโหโทโสเอาแต่ได้นะเจ้าแห้ว ยายแจ๋วแกเป็นเด็กจะทำ อะไรก็ต้องเห็นอกเห็นใจเมียบ้าง
ว้า-ข้าไม่รู้จะพูดอะไรโว้ย เอายังงี้ก็แล้วกัน ขอให้เจ้าสองคนมีความสุขความเจริญ ความเจ็บอย่ารู้ได้ ความไข้อย่ารู้มี อยู่ร่วมกันไปจนแก่ชรา ถือไม้เท้ายอดทองถือกระบองยอดด้วน”
“แหม”
คุณหญิงวาคราง
“ให้พรยังกะขอทานเชียวนะเจ้าคุณ”
“อ้าว หาว่าฉันเป็นขอทานไปเสียแล้ว”
เจ้าคุณสีหราช ฯ กับคุณหญิงเนื่องหัวเราะงอหาย เป็นครั้งแรกที่ท่านทั้งสองได้ฟังนายจอมทะเล้น
ร้องยี่เก
“อุ๊ยตาย”
คุณหญิงเนื่องพูดพลางหัวเราะพลาง
“คุณนิกรไปหัดยี่เกมาจากไหนคะคุณหญิง”
คุณหญิงวาดค้อนนิกรเสียก่อน จึงตอบคุณหญิงเนื่อง
“ยังไงก็ไม่ทราบค่ะ นิสัยเจ้ากรของดิฉันเป็นคนทะลึ่งอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
คุณหญิงเนื่องอดหัวเราะไม่ได้ หันมาทางนิกร
“เข้าทีมากทีเดียวคุณนิกร สุ้มเสียงของเธอเหมือนกับพระเอกยี่เกจริง ๆ แขนแมนก็อ้อนช้อย”
นิกรยกมือไหว้คุณหญิงเนื่องในท่ายี่เกและพูดยานคางแหลมเล็กตามแบบนาตะดนตรี
“เกล้ากระผมเองสนใจในเรื่องยี่เกมาแต่เล็กแต่น้อยแล้วขอรับ”
“เฮ้ย”
คุณหญิงวาดตวาดลั่น
“พอทีโว้ย อย่าบ้าให้มันมากนัก อ้ายเวรนี่ชักเอาใหญ่แล้ว เขากำ ลังจะส่งตัวเจ้าสาว ไม่ใช่เวลาที่
แกจะร้องยี่เก”
“อ้าว ก็ผมอวยพรให้คู่บ่าวสาวยังไงล่ะครับ”
“อวยพรแกก็พูดด้วยคำ พูดธรรมดาซี”
นายจอมทะเล้นหัวเราะหึ ๆ แล้วยิ้มให้เพื่อนเกลอของเขา
“ไปเถอะโว้ยพวกเรา หมดหน้าที่ของเราแล้ว อย่าอยู่เป็นก้างขวางคออ้ายแห้วมันเลย ขณะนี้อ้าย
แห้วมันคงกำ ลังนึกแช่งด่าพวกเราที่โอ้เอ้ไม่รู้จักออกไปจากห้อง ไปเถอะหมูเขาจะหามเอาคานเข้ามาสอดผัวเมียเขาจะกอดเอาไม้แพ่นกบาลเขา อกเขาอกเราโว้ย เห็นอกเจ้าแห้วและแม่แจ๋วบ้าง”
กิมหงวนหัวเราะหึ ๆ
“อกเจ้าแห้วน่ะเคยเห็นมามากต่อมากแล้ว แต่อกแม่แจ๋วไม่เคยเห็น”
๔ สหายหัวเราะชอบใจไปตามกัน ต่างลุกขึ้นแล้วพากันเดินก้มตัวผ่านหน้าท่านผู้ใหญ่ทั้ง ๕ ท่าน
ออกไปจากห้องนอนของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ถือโอกาสกล่าวคำ อวยพรให้คู่บ่าวสาว
“อ้ายแห้ว ข้ายินดีมากที่เอ็งได้แต่งงานกับแม่แจ๋วแหวว ข้าขออวยพรให้เจ้ากับแจ๋วจงมีความสุข
ความเจริญด้วยจตุรพิธพร”
แล้วเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ก็หันมาทางท่านผู้ใหญ่
“เอาละครับ หมดพิธีส่งตัวแล้ว พวกเราออกไปเถอะครับ ต่อไปนี้เป็นเรื่องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะ
ทำ ความเข้าใจกัน”
เจ้าคุณสีหราช ฯ คุณหญิงเนื่อง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ คุณหญิงวาดและเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างลุกขึ้น
พากันเดินออกไปจากห้อง พอร่างของท่านผู้ใหญ่ลับตา เจ้าแห้วก็พรวดพราดลุกขึ้นอย่างร้อนรน แจ๋วแหว
วอกสั่นขวัญแขวน
“ว้าย อะไรจ๊ะแห้ว”
เจ้าแห้วขบกรามกรอด นัยน์ตาที่มองดูเจ้าสาวของเขานั้นวาวโรจน์น่ากลัว
“ไม่มีอะไร พี่จะปิดประตูห้อง ฮึ่ม…อย่าอยู่เป็นคนเลย”
เจ้าสาวมีทีท่าเหมือนกับจะเป็นลม เจ้าแห้วเดินไปปิดประตูห้องและใส่กลอนเรียบร้อยแล้วก็เอื้อม
มือปิดสวิทซ์ไฟ
“อุ๊ย ปิดไฟทำ ไมจ๊ะแห้ว”
“ง่วงนอน”
เจ้าบ่าวพูดเสียงกร้าว
“เปิดไฟฉันนอนไม่หลับ เธอไม่ต้องมีเสียง เดี๋ยวนี้เธอเป็นเมียของฉันแล้วรู้ไหม”
แจ๋วแหววตัวสั่นงันงก ใบหน้าซีดเผือด หล่อนรีบลุกขึ้นเดินฝ่าความมืดมาทางผนังตึกคลำ หาส
วิทซ์ไฟ แต่บังเอิญไปคลำ เอาศีรษะเจ้าแห้วเข้า
“อ้าว”
เจ้าแห้วเอ็ดตะโร
“หนอยแน่ ยังไม่ทันไรเลยกำ แหงจับหัวฉันเชียวหรือแม่แจ๋ว เดี๋ยวตายทั้งกลมเลยพับผ่า”
“ก็เปิดไฟฟ้าขึ้นซี สวิทซ์อยู่ไหนล่ะ”
“เปิดทำ ไม”
เจ้าแห้วตวาด
“ฉันกลัวนี่นา…..”
“กลัวอะไร”
“ฉันกลัวความมืด”
คราวนี้เจ้าแห้วหัวเราะก้าก
“ปู้โธ่ แทนที่จะกลัวฉันกลับกลัวความมืด เออ-น่าหัวเราะ ความมืดมันทำ อะไรเธอเมื่อไรล่ะ แจ๋วจ๋า
อย่าปอดลอยไปหน่อยเลย ถึงอย่างไรเราก็ได้แต่งงานกันโดยถูกต้องตามประเพณีแล้ว เป็นของฉันเถอะแจ๋ว
แหวว”
พูดจบเจ้าแห้วก็รั้งตัวเจ้าสาวของเขาเข้ามากอด
“แจ๋วจ๋า รักพี่ไหม”
“โอ๊ย-ฉันกลัวแล้วแห้วจ๋า ฉันชอบบทรักอ่อนหวาน ฉันไม่ชอบแบบเจ้าชู้ยักษ์อย่างนี้ เปิดไฟขึ้น
เถอะจ้ะ เพิ่ง ๓ ทุ่มกว่า ๆ เท่านั้นคุยกันก่อนเถอะจะรีบนอนไปไหนนะ อย่าทำ อะไรให้ฉันกลัวเธอหน่อยเลย”
เจ้าแห้วหัวเราะชอบใจ ก้มลงจูบเจ้าสาวของเขาดังฟอด แล้วเดินไปเปิดสวิทซ์ไฟกลางห้อง ทันใด
นั้นเองเจ้าแห้วก็ได้ยินเสียงกุกกักนอกประตู เจ้าแห้วเม้มปากแน่นเดินจรดปลายเท้ามาที่ประตูหน้าห้อง
ค่อย ๆ ถอดกลอนออก แล้วกระชากบานประตูเข้ามาอย่างแรง
ร่างอันสูงชะลูดของเสี่ยหงวนถลาร่อนเข้ามาในห้อง แล้วนิกรก็ตามเข้ามาด้วย สองสหายมองดู
หน้าเจ้าแห้วแต่ไม่ยอมพูดว่ากระไร รีบหมุนตัวกลับวิ่งปุเลง ๆ ออกไปจากห้องทันที
เจ้าแห้วจัดแจงปิดประตูใส่กลอนตามเดิม หาเศษกระดาษชิ้นหนึ่งอุดรูกุญแจเสียให้เรียบร้อย ต่อ
จากนั้นเขาก็จูงมือเจ้าสาวของเขาพาไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง ทั้งสองสนทนากันเงียบ ๆ ความกระดากอายของแจ๋วแหววค่อย ๆ หายไปทีละน้อย
บัดนี้ เจ้าแห้วกับแจ๋วแหววต่างเป็นบุคคลเดียวกันแล้ว เจ้าแห้วพาเมียของเขาเดินทางไปบางแสน
ในวันรุ่งขึ้นโดยรถยนต์เมล์ของบริษัทขนส่ง ตั้งใจจะไปพักผ่อนอยู่ที่นั่นสัก ๕ วัน แล้วก็จะพาเมียกลับมาเป็นขี้ข้ารับใช้เจ้านายต่อไปเช่นเดิม

จบบริบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น